ในปัจจุบันหนุ่มสาว หันมาเพิ่งเข็มกันมาขึ้น เพราะทำการรักษาง่าย โดยไม่ต้องผ่าตัด สำหรับการทำเมโสแฟตในระยะแรก ๆเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว จะยังไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไรนัก เพราะตัวยาที่นำมาฉีดในช่วงแรก ๆ จะได้ผลช้า และมีผลข้างเคียง เจ็บ และมีรอยฟกช้ำหลังฉีดค่อนข้างมาก แต่ปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนาตัวยาฉีดสลายไขมันให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ได้ผลมากขึ้น เร็วขึ้น มีผลข้างเคียงและฟกช้ำหลังฉีดน้อยลง
เมโสแฟต (Mesofat)
คือ การฉีดสลายไขมันส่วนเกินในร่างกาย ตั้งแต่จุดเล็กๆไปถึงจุดใหญ่ๆ เช่น คาง แก้ม ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง สะโพกและเอว เป็นต้น ซึ่งวิธีนี้ถือว่า เป็นวิธีรักษาแบบเจ็บตัวน้อยที่สุด และเห็นผลเร็วทันใจ
จุดที่นิยม ฉีดเมโสเเฟต Mesofat
1. ลดไขมันที่แก้ม
2. ลดไขมันที่คาง (เหนียง)
3. ลดไขมันที่ต้นแขน ต้นขา
4. ลดไขมันหน้าท้อง
5. ลดไขมันที่จมูก
6. ลดไขมันที่หนังตาบน
7. ลดไขมันที่น่อง
การเตรียมตัวก่อนฉีดเมโสแฟต
- พบแพทย์เพื่อทำการปรึกษาก่อนการฉีด แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัว
- งดยาในกลุ่มของ แอสไพริน, NSAIDs, Dipyridamol ก่อนเข้ารับการฉีดเมโส 48 ชั่วโมง
ขั้นตอนการฉีด Meso Fat
แพทย์จะทำการผสมยาและฉีดในบริเวณที่ต้องการจะสลายไขมัน ส่วนปริมาณและความลึกที้ฉีดขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล บางคนอาจมีชั้นไขมันและผิวหนากว่า ดังนั้นจึงกำชับว่าควรพบแพทย์เพื่อทำการวิเคราะห์ก่อนเสมอ การฉีดแต่ละจุดจะฉีดห่างกันอย่างน้อย 1.5 – 2 ซม. และฉีดซ้ำทุกๆ 5 – 7 วัน หลังจากฉีดแล้วไขมันจะเริ่มหดตัวลดลง 15-20% ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และไขมันจะสลายตัว 50% ขึ้นไปเมื่อทำครบคอร์สแล้ว
ฉีดเมโสแฟตแล้ว Meso Fat จะอยู่ได้นานไหม ?
ประมาณ 5-6 เดือน และขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังการฉีด เช่น การกินอาหาร และการดำรงชีวิตประจำวันของบุคคล
ข้อห้ามในการทำ Mesofat มีดังนี้
• สตรีมีครรภ์
• คนไข้โรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ
• คนไข้ที่มีประวัติโรคระบบหลอดเลือดผิดปกติในสมอง เช่น เส้นเลือดสมองตีบ หรืออุดตัน
• คนไข้ที่มีประวัติโรคเลือดผิดปกติ โรคมะเร็ง
• คนไข้ที่มีประวัติโรคหัวใจ และทำการรักษาด้วยยาหลายขนาน