Scar Clearing

รักษาหลุมสิวและรูขุมขน

Scar Clearing

ปัญหาผิว หลุมสิว รวมถึงความไม่กระชับของใบหน้า นับว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความกังวลใจไม่น้อย เนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ผิวสูญเสียคอลลาเจน รูขุมขนไม่กระชับ Scar Clearing อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยคืนความเต่งตึง กระชับให้กับผิว 


โปรแกรมรักษาหลุมสิว และ รอยแผลเป็น Scar Clearing เนรมิตรผิวสวยเรียบเนียนในแบบคุณ

Scar Clearing เนรมิตรผิวสวยเรียบเนียนในแบบคุณ

โปรแกรมรักษาหลุมสิวและรอยแผลเป็น Scar Clearing เป็นการใช้เครื่องมือแพทย์ ทำการรักษารอยหลุมสิว  เนื้อที่หายไปให้กลับตื้นขึ้นมา  ด้วยการใช้วิตามิน และตัวยา ที่มีคุณสมบัติในการสร้างเซลล์เนื้อเยื่อให้กลับเติมเต็มขึ้นมา เป็นการใช้เครื่องมือแพทย์ร่วมกับวิตามิน และตัวยาที่ช่วยในการกระตุ้นสร้างคอลลาเจน แลเซลล์ะผิวใหม่ จึงทำให้หลุมสิว หรือหลุมเนื้อจะค่อย ๆ สร้างเนื้อ  เยื่อใหม่ที่ดีให้ขึ้นมาทดแทนเนื้อที่หายไป

ดังนั้นเมื่อทำอย่างต่อเนื่อง ผิวที่ได้ก็จะเนียนเรียบเป็นผิวเดียวกัน นับว่าเป็นการใช้เครื่องมือเฉพาะเพื่อกระตุ้นการสร้างเซลล์เนื้อใหม่ให้ขึ้นมาแทนเซลล์เนื้อที่หายไป โดยมีตัวยา และวิตามินที่เป็นตัวกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิวเพิ่มเข้าไปในการรักษา ดังนั้นจึงทำให้ผลการรักษาจะเห็นผลเร็ว เมื่อทำติดต่อกันอย่างต่อเนื่องเซลล์ผิวใหม่ที่ขึ้นมาก็จะค่อย ๆ เนียนเรียบจนเป็นผิวเดียวกับผิวหน้าเดิม

อย่างไรก็ตามปัญหาผิว หลุมสิว รวมถึงความไม่กระชับของใบหน้า นับว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความกังวลใจไม่น้อย เนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ผิวสูญเสียคอลลาเจน รูขุมขนไม่กระชับ Scar Clearing จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยคืนความเต่งตึง กระชับให้กับผิว ในบทความนี้จะขอพาไปทำความรู้จักกับหัตถการยอดนิยมดังกล่าว ที่เป็นกุญแจสำคัญของความงามมาอย่างยาวนาน ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ

สารบัญ


โปรแกรมรักษาหลุมสิว และ รอยแผลเป็น Scar Clearing คืออะไร 

Scar Clearing คือ เครื่องมือที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ เพื่อรักษาหลุมสิว ให้ผิวดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น กระชับผิวหนังบนใบหน้า ช่วยลดขนาดของรูขุมขน โดยการใช้เข็มที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 0.25 มม. และความยาวของเข็มมีตั้งแต่ 0.25 ถึง 2 มม ซึ่งมีลักษณะเป็นเข็มขนาดเล็กหลาย ๆ เข็ม แนบลงบนผิวหนัง สามารถปรับความลึกและความเร็วในการทำหัตถการได้ ความเร็วของเครื่อง Scar Clearing สามารถปรับได้มากถึง 20-90 ครั้งต่อนาทีและอัตราความเร็วคงที่ 

อย่างไรก็ตามในวงการความงามนิยมใช้เครื่อง Scar Clearing ร่วมกับวิตามินและตัวยาที่มีส่วนช่วยในการกระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ สร้างเนื้อเยื่อมาทดแทนเนื้อที่หายไป ดังนั้นเมื่อทำอย่างต่อเนื่อง ผิวทีไ่ด้ก็จะเรียบเนียนเป็นผิวเดียวกับผิวเดิมของเราค่ะ


ทำความรู้จักกับหลุมสิว

หลุมสิว (Atrophic Scars) คือ รอยแผลเป็นจากการอักเสบของสิวหลังจากสิวหาย มักมาจากสิวอักเสบที่ลงลึกถึงผิวชั้นใน เช่น สิวหนอง สิวหัวช้างขนาดใหญ่ จนแผลไม่สามารถสมานได้เต็มที่ เนื่องจากเกิดพังผืดที่ดึงรั้งทำให้ผิวหนังยุบลงไปตามกระบวนการรักษาแผลของร่างกาย ทำให้เห็นเป็นรอยบุ๋มในผิว ผิวไม่เรียบเนียนเท่ากัน และเป็นหลุมลึกบนใบหน้านั่นเองค่ะ


สาเหตุของการเกิดหลุมสิว

หลุมสิว คือผลกระทบที่เกิดจากปัญหาสิวที่มีการอักเสบ รวมถึงสิวอุดตัน โดยปกติหลังจากสิวหายแล้วจะมีกระบวนการซ่อมแซมผิวหนังโดยไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น ใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน หลังจากสิวหาย จะมีการสร้างเซลล์ผิวหนังและคอลลาเจนล้อมรอบบริเวณที่มีการอักเสบ ซึ่งถ้ากระบวนการนี้เกิดได้อย่างสมบูรณ์ก็จะไม่มีรอยแผลเป็นจากการเกิดสิว แต่ถ้ากระบวนการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไม่สมบูรณ์หรือผิวเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง จนทำให้ผิวยุบลง สร้างคอลลาเจนใหม่ได้ไม่เพียงพอต่อคอลลาเจนที่ถูกทำลายไป เซลล์เนื้อเยื่อเกิดการหดรัดตัว ทำให้เกิดรอยแผลเป็นหรือหลุมจากสิวได้ 


ลักษณะสิวแบบไหนที่สามารถกลายเป็นหลุมสิวได้

ลักษณะของสิวที่สามารถกลายเป็นหลุมสิวได้แก่ 

  • สิวหัวช้างเม็ดใหญ่ (Cyst) เป็นสิวขนาดใหญ่ที่มีหนองปนเลือดอยู่ภายในหัวสิว ใช้เวลาในการรักษานาน
  • สิวอักเสบรุนแรง (Pustule) หรือสิวหัวหนอง อักเสบเรื้อรัง
  • สิวที่ติดเชื้อแบคทีเรียจนลุกลามไปทั่วชั้นใต้ผิว (Nodule)

หลุมสิวมีลักษณะอย่างไร

หลุมสิว มีลักษณะเป็นหลุมเล็ก ๆ บนผิว ทำให้ผิวขรุขระ ไม่เรียบเนียน เป็นรอยบุ๋มลงไป เมื่อเทียบกับชั้นผิวหนังข้างเคียง มองเห็นเป็นหลุมลึกแบบเห็นชัดเจน บางคนอาจจะกระจายทั่วใบหน้า หรือบางคนมีเป็นจุด ๆ เป็นหลุมแผลเป็นทิ้งไว้บนใบหน้า ทำให้ใบหน้าโทรม ดูไม่สดใส และรักษาได้ยากกว่าปัญหาสิว


ประเภทของหลุมสิวมีอะไรบ้าง

ในปัจจุบันจะสังเกตุเห็นได้ว่า วิธีการรักษาหลุมสิวนั้นมีมากมายหลายเทคนิคให้เลือก นั่นเพราะว่าหลุมสิวนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ชนิดเดียวนั้นเองค่ะ ส่งผลให้เทคนิคการรักษา ความยาก ง่าย ในการรักษานั้นต่างกันออกไปอีกด้วย อย่างไรก็ตามในหัวข้อนี้จะขอเล่าถึงชนิดจองหลุมสิวแต่ละชนิดกันค่ะ ว่ามีอะไรบ้างไปดูพร้อมกันเลย

  • ชนิด Ice Pick Scar
    หลุมสิวประเภท Ice Pick scar จะเป็นหลุมลึก ปากแผลแคบ มักมีขนาดไม่เกิน 2 มม. อยู่ในระดับความรุนแรงที่สุด สาเหตุจากการกดหรือบีบสิวอุดตัน สิวที่อักเสบ รักษาได้ยาก เนื่องจากสิวกินเนื้อไปจนถึงชั้นรูขุมขน มีการทำลายลึกลงไปถึงชั้นผิวหนังแท้ ทำให้คอลลาเจนหายไปด้วย หลุมสิวจึงเป็นไปในแนวลึก กว่าผิวจะฟื้นฟูจนเต็มต้องใช้เวลานานในการรักษา เพื่อช่วยให้รอยหลุมตื้นขึ้นมา 
  • ชนิด Box Scar
    หลุมสิวประเภท Box Scar จะมีลักษณะเป็นบ่อ มีขนาดกว้าง เห็นขอบของหลุมสิวชัดเจน  ลึกประมาณ 3-5 มิลลิเมตร มีขนาดใหญ่กว่าหลุมสิวประเภท Ice pick scar  อยู่ในระดับความรุนแรงปานกลาง มักพบพังผืด (fibrosis) เกาะติดในชั้นหนังแท้ มีทั้งแผลลึกและแผลตื่น สาเหตุมาจากสิวอักเสบมีขั้นลึก รวมถึงคนที่เป็นโรคอีสุกอีใส
  • ชนิด Rolling Scar 
    หลุมสิวประเภท Rolling Scar เป็นหลุมสิวระดับทั่วไป จะมีลักษณะเป็นหลุมตื้น ๆ เป็นหลุมสิวแค่ช่วงผิวส่วนบนเพียงเล็กน้อย เป็นแอ่งเว้าลงไปไม่ลึก มีความรุนแรงน้อยสุด  มักจะทำการรักษาได้ง่ายกว่าระดับอื่น ๆ 

หากรักษาหลุมสิวที่ไม่ถูกต้องส่งผลเสียกว่าที่คิด

การรักษาหลุมสิวอย่างผิดวิธีทำให้ผิวเป็นแผลเป็น ซึ่ง หลุมสิว เกิดจาก การยุบตัวขึ้นภายในชั้นผิวหนังลึก ซึ่งทำให้คอลลาเจนภายในผิวเสียหาย หากมีพฤติกรรมดังต่อไปนี้ อาจทำให้ผิวหน้าถูกทำร้ายจากเดิมมากขึ้น

พฤติกรรมที่ทำร้ายผิวหน้า

  • บีบสิว
  • แคะสิว
  • แกะสิว
  • เกาสิว
  • ปล่อยให้สิวหายเองจนผิวยุบตัว

รักษาหลุมสิวอย่างไร ให้ถูกวิธี

การรักษาหลุมสิวที่นับว่าเป็นปัญหากวนใจใครหลายคนไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย นั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธีเลยค่ะ อย่างไรก็ตามในหัวข้อนี้จะขอพาไปทำความรู้จักกับวิธีการรักษาหลุมสิวในรูปแบบต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกัน จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ

  • การทายา หรือการใช้ยากลุ่ม อนุพันธ์วิตามินเอ หรือกรดวิตามินเอ
    เป็นกรดที่มีความเข้มข้นสูง แนะนำให้อยู่ในการดูแลของแพทย์ แต่ถ้าความเข้มข้นน้อยสามารถกลับไปทาเองที่บ้านได้ วิธีนี้ได้ผลดีโดยเฉพาะแผลหลุมสิวประเภท Ice pick scars
    • ตัวยาที่มีส่วนผสม Retinoids (วิตามินเอ) มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวให้หลุมสิวดูตื้น และเรียบเนียนขึ้น เช่น Retin-A, Retacnyl, Acnetin A 
    • ส่วนผสม AHA และ BHA มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อเติมหลุมสิวให้ดูตื้นขึ้น
    • การรักษาหลุมสิว วิธีนี้ควรห่างกัน 3 - 4 สัปดาห์ และทำติดต่อกัน 5 ครั้ง จะช่วยทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น
  • การทำ Pico Laser
    การทำเลเซอร์เหมาะกับหลุมสิวทั้ง 3 ประเภท แต่การทำเลเซอร์อาจมีผลข้างเคียง คือต้องใช้เวลาในการพักฟื้นผิวนาน และควรเลี่ยงการโดนแสงแดดเพราะผิวจะคล้ำ และเป็นรอยง่าย
  • การทำโปรแกรมรักษาหลุมสิว และ รอยแผลเป็น Scar Clearing

    การใช้เข็มที่ลงไปตัดผังผืดใต้หลุมสิวที่ปรับระดับความลึกตามบริเวณของใบหน้า ความลึกของหลุมสิว  จะทำให้เกิดแผลเล็กๆบนใบหน้า เพื่อกระตุ้นให้เกิดกระบวนการซ่อมแซมผิวใหม่ เซลล์ผิวหน้าจะสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินใหม่ คือจะช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นของผิวหนังมากขึ้น (หน้าเด้ง – ผิวเด้ง) ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น แต่งหน้าติดดีขึ้น

  • การเลาะพังผืด ( Subcision )
    เป็นการรักษาหลุมสิวด้วยการใช้เข็มขนาดเล็กแทงใต้ผิวหนังเพื่อตัดพังผืดที่ดึงรั้งผิว ทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น และเรียบเนียนขึ้น Subcision เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวลึก หลุมสิวเป็นหลุมแบบ Ice Pick หรือ Boxcar ผลลัพธ์ของการรักษาด้วย Subcision ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของหลุมสิว โดยทั่วไปแล้ว จะเห็นผลชัดเจนหลังทำ 2-3 ครั้ง โดยวิธีการรักษาด้วย Subcision จะใช้ระยะเวลาในการทำหัตถการประมาณ 30-60 นาที ได้ค่ะ
  • การฉีดฟิลเลอร์
    การฉีดฟิลเลอร์ คือ การนำสารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) มาฉีดเพื่อเติมเต็มหลุมสิวให้ผิวดูเต็มขึ้น โดยจะเห็นผลว่าหลุมสิวดูตื้นขึ้น 30-70 % เลยนะคะ
  • PRP ฟื้นฟูผิว กระตุ้นผิว เร่งการสร้างเนื้อเยื่อใหม่
    PRP (Platelet-rich plasma) รักษาหลุมสิวโดยใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นจากเลือดของตัวเองมาฉีดใต้ผิวหนัง เกล็ดเลือดเข้มข้นนี้อุดมไปด้วยสารที่ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิว และการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น และเรียบเนียนขึ้น PRP เป็นการรักษาหลุมสิวที่ปลอดภัย และได้ผลดี แต่ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้ว จะเห็นผลชัดเจนหลังทำ 3-6 ครั้ง การรักษาด้วย PRP ใช้เวลาประมาณ 20-50 นาที

  • รักษาหลุมสิวได้ด้วยรีจูรัน
    รีจูรัน (Rejuran) สามารถนำมารักษาหลุมสิวได้ดีเลยค่ะ และมีรุ่นที่เหมาะกับการเติมเต็มหลุมสิวโดยเฉพาะ ที่ทำจากกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic acid) ธรรมชาติ ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำได้ดี และช่วยเติมเต็มร่องลึกของหลุมสิว ช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น และเรียบเนียนขึ้น รีจูรันสามารถฉีดเพื่อรักษาหลุมสิวได้ทุกประเภท แต่ได้ผลดีที่สุดกับหลุมสิวชนิด Ice Pick และ Boxcar รีจูรันสามารถฉีดได้ทั่วใบหน้า คอ และมือ ผลลัพธ์ของการรักษาด้วยรีจูรันจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของหลุมสิว โดยทั่วไปแล้ว จะเห็นผลชัดเจนหลังทำ 1-2 ครั้ง การรักษาด้วยรีจูรันใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที

มาถึงตรงนี้เราจะพบได้ว่าวิธีการรักษาหลุมสิวนั้นมีเยอะแยะมากมายเลยใช่ไหมคะ แต่ในบทความนี้จะขอเน้นย้ำไปที่การทำ Scar Clearing นะคะ เนื่องจากวิธีดังกล่าวกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก สำหรับการรักษาปัญหาความไม่เรียบเนียนของผิวหน้านั่นเองค่ะ


วิธีป้องกันไม่ให้เกิดหลุมสิว สามารถทำได้อย่างไร

วิธีการที่ดีที่สุดในการป้องกันการเกิดหลุมสิว คือระวังไม่ให้เกิดสิว หรือมีสิวแล้วต้องรับรักษาค่ะ เพื่อลดการอักเสบเรื้อรัง เพราะยิ่งสิวอักเสบเม็ดใหญ่ เป็นนาน ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะทิ้งหลุมสิวมากขึ้น โดยควรปฎิบัติดังนี้ 

  • เมื่อเกิดสิวห้ามแกะ บีบ หรือขัดถูใบหน้าแรง ๆ  เพราะการบีบเค้นทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น รวมถึง ยังเป็นการทำร้านชั้นผิวที่ลึกขึ้นทำให้แผลหายยากขึ้น ร่างกายจะใช้เวลานานขึ้นในการสมานแผล ยิ่งทิ้งไว้นานก็จะเกิดพังผืดมากขึ้นกลายเป็นหลุมสิวถาวรรักษาได้ยากนั่นเองค่ะ
  • เมื่อแผลเริ่มหายห้ามแกะสะเก็ด หลังจากหัวสิวหลุดแล้ว เพราะการแกะสะเก็ดทำให้กระบวนการรักษาแผลต้องทำใหม่อีกครั้ง แผลหายช้าลง
    ในเคสที่เกิดสิวแล้ว โดยเฉพาะสิวเม็ดใหญ่ และมีการกระจายเป็นวงกลว้างบนใบหน้า แนะนำ ให้รีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาสิวให้หายเร็วที่สุดค่ะ เพราะหากเกิดสิวลักษณะนี้มักทิ้งรอยหลุมสิวเอาไว้นั่นเองค่ะ

โปรแกรมรักษาหลุมสิว และ รอยแผลเป็น Scar Clearing เหมาะกับใคร

 การกระตุ้นคอลลาเจน รักษาหลุมสิวเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวต่อไปนี้

  • คนที่มีปัญหาหลุมสิวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น  icepick , box scar , rolling scar
  • คนที่มีรูขุมขนกว้าง
  • คนที่ผิวหน้าไม่เรียบเนียน
  • คนที่อยากมีกระชับผิวกระชับ เต่งตึง
  • คนที่มีริ้วรอย จุดด่างดำ ต่าง ๆ ผิวหน้าไม่ใส 

ข้อดีของโปรแกรมรักษาหลุมสิว และ รอยแผลเป็น Scar Clearing

  • เห็นผลชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรก
  • ใช้เวลาในการทำหัตถการไม่นาน
  • อาการข้างเคียงหลังเข้ารับบริการน้อย
  • ราคาสามารถเอื้อมถึงได้
  • สามารถทำหัตถการได้ทุกสภาพผิว

ข้อควรระวังในการทำหัตถการ

  • สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรควรงดการทำหัตถการก่อน
  • คนไข้ที่มีประวัติโรคประจำตัว โรคหัวใจ โรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของหลอดเลือด ความดันโลหิตต่ำ นอกจากนี้ยังรวมถึงคนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ

ขั้นตอนวิธีการทำหัตถการ

ขั้นตอนวิธีการทำหัตถการ

สำหรับใครที่กำลังเกิดข้อสงสัยว่า ขั้นตอนการทำหัตถการนั้นน่ากลัวไหม มีวิธีการทำอย่างไร สำหรับในหัวข้อนี้จะขอพาไปดูกันเลยนะคะ

  • คนไข้ต้องเข้าพบแพทย์ผู้ทำหัตถการเพื่อประเมินปัญหา แนวทางการรักษา รวมถึงตัวยาที่ใช้ในการทำหัตถการ
  • จากนั้นจึงเริ่มทำความสะอาดหน้า และทายาชาเพื่อระงับความเจ็บปวดขณะทำหัตถการ
  • แพทย์จะเริ่มใช้ Scar Clearing เพื่อเปิดผิวและกระตุ้นให้เกิดการสร้าง Collagen โดยเลือกใช้ตัวยาที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของคนไข้
  • ระยะเวลาที่ทำ รวมแล้วอยู่ที่ 75-80 นาที แบ่งเป็นแปะยาชา 60 นาที และระยะเวลาในการทำหัตถการ 12-20 นาทีค่ะ
  • หลังการรักษาหลุมสิวอาจจะมีรอยแดงได้บ้าง เจ้าหน้าที่จะช่วยประคบเย็นจนใบหน้าดีขึ้น
  • แพทย์สั่งจ่ายยา (ถ้ามี) เท่าที่จำเป็นต่อการรักษาหลุมสิว
  • เจ้าหน้าที่แนะนำการดูแลตัวเอง หลังการรักษาหลุมสิว
  • เข้ารับการรักษาต่อเนื่อง รักษาหลุมสิวให้ได้ผลลัพธ์ดี ต้องเข้ารับบริการตามที่แพทย์แนะนำ

โปรแกรมรักษาหลุมสิว และ รอยแผลเป็น Scar Clearing ควรทำกี่ครั้ง บ่อยแค่ไหน

  • การรักษาหลุมสิว ควรทำซ้ำทุก 2-4 สัปดาห์ ประมาณ 6 ครั้ง ได้ผลดี  ประมาณ 80 % 
  • การรักษาฝ้าลึก ควรทำ3-4 ครั้ง ได้ผลดีกว่าการใช้เลเซอร์ หรือ IPL ซึ่งลักษณะฝ้าลึกจะเริ่มจางลงมากกว่า 50% นอกจากนี้รอยย่นและร่องแก้ม จะดีขึ้นด้วยค่ะ

การดูแลตัวเองหลังทำหัตถการ

  • หลังทำหัตถการแนะนำให้หลีกเลี่ยงการโดนน้ำบริเวณที่ทำ เนื่องจากหากเปียกน้ำจะทำให้สะเก็ดหลุดช้า หรือเกิดการอักเสบได้ ดังนั้นหากล้างหน้าให้รีบซับให้แห้งทันที จากนั้นทายาตามปกติ
  • หลังสะเก็ดหลุดผิวจะเป็นสีชมพูบางๆ พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด หรือแนะนำให้ทาครีมกันแดด SPF30ขึ้นไป เพื่อป้องกันการสร้างเม็ดสีเข้มขึ้นบริเวณผิวใหม่
  • ทายาลดอักเสบฆ่าเชื้อ เคลือบแผลกันน้ำที่ทางคลินิกจ่ายให้ เช้าและก่อนนอน หรือบ่อยตามต้องการ จะช่วยสมานแผล ลดการอักเสบ
  • สะเก็ดจะหลุดออกประมาณวันที่ 4-7 ในกรณีที่หากทายาถี่อาจไม่มีสะเก็ด
  • สามารถใช้ Cleansing ได้ตามปกติ แต่หากยังมีอาการแสบแนะนำให้หลีกเลี่ยงชั่วคราว
  • ไม่ควรลอก แกะ หรือดึงสะเก็ดออกเอง เพื่อป้องกันการเกิดรอยดำหรือแผลเป็น
  • ติดตามผลการรักษา และสามารถทำซ้ำได้ 3-4 สัปดาห์

เลือกโปรแกรมรักษาหลุมสิว และ รอยแผลเป็น Scar Clearing ที่ไหนดี  ที่ The vogue ดีอย่างไร

หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่มีปัญหาหลุมสิว รูขุมขนกว้าง ผิวขาดคอลลาเจน กำลังตัดสินใจเลือกสถานพยาบาลสำหรับทำหัตถการ ต้องขอบอกก่อนเลยว่า วันนี้ในหัวข้อนี้เรามีสาระดีๆ เกี่ยวกับการเลือกสถาบันความงามมมาฝากกันค่ะ เพื่อความปลอดภัยแล้วเราควรพิจารณาจากอะไรบ้างนั้นไปดูพร้อมกันเลย

  • ความน่าเชื่อถือของคลินิกความงาม
    ต้องเป็นคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ได้รับมาตรฐาน มีความพร้อมของทีมแพทย์ รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ทำหัตถการต้องมีความสะอาดและปลอดเชื้อด้วยนะคะ
  • เครื่องมือสำหรับทำหัตถการ
    เพื่อให้ผลลัพธ์หลังทำหัตถการมีความปลอดภัยและไม่เป็นอันตราย จำเป็นต้องมีการศึกษาข้อมูลเบื้องต้น เกี่ยวกับมาตารฐาของคลินิกความงามให้ดี รวมไปถึงเครื่องมือที่ทันสมัย สะอาด ปลอดเชื้อด้วยนะคะ
  • รีวิวจากลูกค้าจริง ราคา และโปรโมชั่นต่าง ๆ
    การตัดสินใจเลือกเข้ารับบริการ กับคลีนิคความงามทั่วไปพราะราคาถูกนั้น อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ หรือแย่กว่าที่คาดหวังไว้ เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมามากมาย ดังนั้นก่อนเราจะตัดสินใจว่าจะทำ Scar Clearing ที่ไหนดี ควรขอดูรีวิวจากลูกค้าจริง รวมถึงสอบถามข้อมูล ราคา โปรโมชั่นต่างๆ ให้ชัดเจนเสียก่อน เพื่อลดโอกาสการเกิดความเสี่ยงที่อาจตามมาในอนาคตอีกด้วยค่ะ

ที่ The VOGUE Clinic ของเรานำทีมโดยแพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ พร้อมด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย สะอาด ปลอดเชื้อ ได้รับการรับรองจาก อย. ประเทศไทย แถมยังอัดแน่นไปด้วยรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงมากมาย คนไข้สามารถมั่นใจได้เลยว่าจะได้รับความสวยควบคู่ไปกับความปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ

 


ความงามที่เกี่ยวข้อง