สารพัดปัญหาผิวหน้ารักษาด้วย เลเซอร์หน้าใส
ปัจจุบันการทำเลเซอร์หน้าใสเพื่อแก้ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ให้มีใบหน้ากระจ่างใสอย่างธรรมชาติ ถือว่าเป็นที่นิยมมากสำหรับสาว ๆ ในยุคนี้ เพราะทำให้ผิวพรรณนั้นดูขาวใสได้อย่างทันใจ เมื่อเทียบกับสมัยก่อนแล้วถือว่ามีนวัตกรรมในรูปแบบนี้น้อยมาก และผลข้างเคียงก็เยอะ เช่น ทำให้ผิวตกสะเก็ด จนทำให้ผิวลอกได้ หรือแม้กระทั่งรอยแดงที่เกิดจากการเลเซอร์
แสดงให้เห็นว่าเครื่องมือในการทำเลเซอร์แต่ก่อนนั้นเอง ยังไม่ทันสมัย และปลอดภัยเท่าเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน และการเลเซอร์ที่ดีที่สุดในปัจจุบันมีวิธีการอะไรบ้าง เหมาะสำหรับใคร สามารถเลือกทำที่ไหนดี วันนี้แอดมินได้รวบรวมคำตอบ สำหรับสาว ๆ ที่กำลังตัดสินใจทำเลเซอร์หน้าใสมาฝากกันค่ะ
ผิวหน้าหมองคล้ำเกิดจากอะไร
ต้นตอ และสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ใบหน้าของเราหมองคล้ำนั้นเกิดได้จาก 2 ปัจจัยหลักๆ เช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิตในประจำวันที่ต้องเจอฝุ่น เจอแดด และเรื่องการดูแลรักษาใบหน้าอย่างไม่ถูกวิธี หรือเกิดจากการแพ้สารเคมีต่าง ๆ ของครีม และเครื่องสำอางต่าง ๆ โดยสามารถแบ่ง และจำแนกสาเหตุต่าง ๆ ออกเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้
- แสงแดดจาก UVA และ UVB ต่าง ๆ ที่เข้าไปทำลายชั้นเม็ดสีเมลานิน
- ฝุ่น ควัน และมลภาวะต่าง ๆ ตามท้องถนน
- เกิดอาการสิวอุดตันจากสิ่งสปรกบนใบหน้า
- การล้างหน้าไม่สะอาด หรือ ไม่ได้เช็ดเครื่องสำอางให้หมดจดก่อนการล้างหน้า
- เกิดจากสารเคมีบางชนิดที่อยู่ในเครื่องสำอาง
- เกิดจากการพักผ่อนน้อย และไม่ได้ดูแลตัวเอง
- เกิดจากการตกค้างของสารเคมีต่าง ๆ ที่อยู่ในครีมบำรุงผิว
เลเซอร์หน้าใส คืออะไร
เลเซอร์หน้าใส คือ การใช้คลื่นแสงที่มีความเข้มสูงไปจับกับเม็ดสีเมลานิน (melanin) เพื่อรักษาปัญหาผิว และฟื้นฟูผิวบริเวณที่ต้องการ โดยส่วนใหญ่ เลเซอร์หน้าใส จะเน้นใช้รักษาปัญหารอยแดง รอยดำ หรือจุดด่างดำที่เกิดจากสิวเป็นหลัก รวมถึงใช้ในการรักษาผิวเหี่ยวย่น มีริ้วรอย รูขุมขนกว้าง ลดความหมองคล้ำหรือปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ ทำให้ผิวดูขาวใสขึ้นได้ ซึ่งในแต่ละปัญหาผิวก็จะมีการใช้ความยาวคลื่นที่ต่างกันไปโดยจะอยู่ที่ประมาณ 420-1200 nm (นาโนเมตร) นั่นเองค่ะ นอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้กำจัดขนบริเวณต่าง ๆ ได้อีกด้วยนะ
เลเซอร์หน้าใส ช่วยอะไรบ้าง
- การทำ เลเซอร์หน้าใส ช่วยหน้าใส
การทำ เลเซอร์หน้าใส ใช้ความยาวคลื่นที่หลากหลาย ซึ่งจะปรับไปตามความเหมาะสมของปัญหาผิวที่ต้องการรักษา โดยการจับเม็ดสีเมลานิน และเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน เม็ดสีเหล่านั้นจะถูกทำลาย และช่วยปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น จึงนิยมใช้รักษาสิว ลดรอยดำ รอยแดง จุดด่างดำ ฝ้า กระ กระชับรูขุมขนกว้าง กระตุ้นคอลลาเจน ลดริ้วรอยตื้น ๆ ปรับสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ปานดำปานแดง รอยแตกลาย รอยแผลเป็น หรือโรคทางผิวหนังอย่าง โรคผิวหนังอักเสบโรซาเชีย (Rosacea) เส้นเลือดขอด (Varicose Veins) เป็นต้น
- การทำ เลเซอร์หน้าใส เพื่อกำจัดขน
การทำ เลเซอร์หน้าใส เพื่อกำจัดขน จะใช้ความยาวคลื่นอยู่ที่ 650 nm –1200 nm เข้าไปจับเม็ดสีเมลานินที่เซลล์รากขน และเข้าทำลายเซลล์รากขน โดยสามารถใช้กำจัดขนได้หลายบริเวณไม่ว่าจะเป็น ขนรักแร้ ขนแขน ขนขา ขนบริเวณจุดซ่อนเร้น (Bazillian) และขนบริเวณใบหน้าเลยค่ะ
จุดเด่นของ เลเซอร์หน้าใส
จุดเด่นของ เลเซอร์หน้าใสคือเทคโนโลยีที่มีช่วงความยาวคลื่นกว้าง ทำให้กระจายพลังงานได้ดี อ่อนโยนต่อผิว และเจ็บน้อยกว่าการทำเลเซอร์ทั่วไป นอกจากนี้ เลเซอร์หน้าใส ยังช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นโดยไม่ต้องพักฟื้นอีกด้วย
เลเซอร์หน้าใส กับการรักษาสารพัดปัญหาผิวหน้า
- ช่วยลดรอยสิว รอยดำ จุดด่างดำ ฝ้า และกระบางชนิด
- ช่วยลดรอยแดงต่าง ๆ เช่น รอยแดงจากสิว และรอยแดงจากแผลเป็นนูน
- ลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ
- กระชับรูขุมขน
- กำจัดขน
- รักษาสิว โดยทำร่วมกับการทาสารบางชนิดในการฆ่าเชื้อสิว
- ปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ
- ลดความหมองคล้ำ ผิวกระจ่างใสขึ้น
เลเซอร์หน้าใส ต่างจากการทำเลเซอร์ทั่วไปอย่างไรบ้าง
การทำ เลเซอร์หน้าใส กับการทำเลเซอร์ทั่วไปจะมีหลักการทำงานที่คล้ายกัน แต่ที่จริงแล้วเป็นคนละเทคโนโลยีกันค่ะ
เลเซอร์หน้าใส
- ความยาวของคลื่นจะมีช่วงความยาวที่หลากหลาย และกระจายตัวเป็นวงกว้างกว่า
- ลักษณะการยิงแสงจะเหมือนแสงแฟลชที่เปิดตอนถ่ายรูป
- ความเข้มข้นของคลื่นแสงที่น้อยกว่า ไม่ทำลายผิวชั้นบน
เลซอร์ทั่วไป
- ความเข้มข้นของคลื่นแสงมากกว่า อาจทำลายผิวชั้นบนได้
- เลเซอร์ทั่วไปจะเป็นการยิงคลื่นแสงเดียว โฟกัสพื้นที่ขนาดเล็ก ไม่กระจายเป็นวงกว้าง
เลเซอร์หน้าใส มีกี่แบบ ต่างกันอย่างไร
- Q-Switch Laser
การทำงาน: (ความยาวคลื่นแสง 532 และ 1064 นาโนเมตร) เครื่องจะปล่อยพลังงานออกมาเพื่อทำให้เม็ดสีแตกตัว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ความยาวคลื่นสั้น และกระจายทำให้ผิวลอก ตกสะเก็ดหลังการเลเซอร์ เน้นยิงเฉพาะจุดเพื่อลดรอยดำ กระ ฝ้า และกระชับรูขุมขน ขึ้นกับการตั้งค่าของผู้เชี่ยวชาญ
ข้อดี สามารถกำจัดรอยสิว ฝ้า จุดด่างดำ รวมถึงรอยแผลเป็นได้ดี ซึ่งเป็นบริเวณที่เม็ดสีผิวที่ผิดปกติ และยังสามารถเลเซอร์ได้กับทุกสภาพผิว ยกเว้นสาว ๆ ที่มีสิวอักเสบเป็นจำนวนมาก
ข้อเสีย ประสิทธิภาพจะเห็นผลดีในช่วงแรกที่ทำ และควรรักษาต่อเนื่องเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ และเห็นผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น
- Fractional Co2 Laser
การทำงาน: เครื่องจะปล่อยลำแสงออกมาในลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ หลายจุดเรียงกันเป็นตาราง มีความแม่นยำสูงสามารถลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกได้ดี เหมาะสำหรับการกระตุ้นหลุมสิว กระชับรูขุมขน เป็นการเลเซอร์เฉพาะจุดต้องทำบ่อย ๆ เพื่อให้ผลลัพธ์เปลี่ยนแปลงชัดเจน
ข้อดี มีความสามารถในการผลัดเซลล์ผิวใหม่ได้เร็ว และมีความแม่นยำในการยิงเลเซอร์
ข้อเสีย อาจจะทำให้เกิดรอยแผลจากการทำเลเซอร์ได้ง่าย และไม่ค่อยเหมะสำหรับสาว ๆ ที่มีผิวคล้ำ
- E-Matrix Laser
เป็นเครื่องเลเซอร์ที่ปล่อยพลังงานคลื่นแบบวิทยุให้ความถี่สูง พลังงานคลื่นความถี่วิทยุ RF (Radio Frequency) แสงที่ลงมายังสู่ผิวจากเครื่องนั้นสามารถลงไปเฉพาะจุดได้ลึกไปจนถึงต้นตอของหลุมสิวต่าง ๆ กว่าแบบอื่น
ข้อดี มีประสิทธิภาพ และเห็นผลเร็ว ใช้เวลาพักฟื้นในระยะเวลาที่สั้น
ข้อเสีย อาจทำให้เกิดรอยไหม้ในระหว่างทำการรักษา
- IPL หรือ Intense Pulsed Light
เป็นการใช้พลังงานเข้มข้นสูงที่มีความยาวคลื่น 515 – 1,200 นาโนเมตร นิยมใช้เพื่อลบรอยดำ กำจัดขนได้ และ ปรับผิวหน้าให้หน้ากระจ่างใส เมื่อเทียบประสิทธิภาพในการรักษารอยดำ รอยแดง แล้ว การทำ IPL จะต้องทำต่อเนื่องอย่างน้อย 6-10 ครั้ง เพื่อการเห็นผลที่ชัดเจน ใในขณะที่ Dual Yellow สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรก และเห็นผลชัดเจนใน 2-3 ครั้งเท่านั้น นอกจากนี้หลังการทำ IPL ยังทำเกิดการตกสะเก็ดหลังการทำได้อีกด้วย
ข้อดี สามารถรักษาปัญหาผิวที่เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีได้ เช่น รอยดำ รอยแดงที่เกิดจากสิว
ข้อเสีย ช่วงแสงก้างกว่าเลเซอร์ทำให้ผิวหนังข้าเคียงเกิดรอยแดงได้ และ ต้องมีการปรับพลังงานที่เหมาะสมโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะพลังงานแสงเข้มข้นสูงนี้อาจทำให้เกิดรอยไหม้ได้ง่าย
- Dual Yellow Laser
การทำงาน: เป็นเครื่องที่ใช้การผสมผสานระหว่างแสงเลเซอร์สีเหลือง และแสงสีเขียว ทำให้สามารถรักษารอยต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และมีจุดเด่นที่แตกต่างจากเลเซอร์ตัวอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด คือ มีความอ่อนโยนต่อผิวหน้า เน้นการทำงานเฉพาะจุด จึงไม่ทำให้เกิดการทำลายชั้นผิว ทำให้สามารถแต่งหน้าหรือออกงาน ภายหลังจากเข้ารับการรักษาได้ในทันที เหมาะสำหรับรอยแดงจากสิว รอยแดงจากเส้นเลือด และรอยดำจากสิว เป็นเลเซอร์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว สามารถยิงได้ทั่วใบหน้าให้ผิวหน้ามีสีผิวกระจ่างใสสม่ำเสมอ
ข้อดี มีความอ่อนโยนต่อผิว และยิงเลเซอร์ได้แม่นยำเฉพาะจุด ใช้เวลาฟื้นตัวเร็ว รักษาเสร็จสามารถแต่งหน้าได้ทันทีโดยไม่ต้องรอพักฟื้น
ข้อเสีย เป็นเลเซอร์ที่มีความจำเพาะเจาะจงสูง จึงไม่ค่อยพบผลข้างเคียง
จะเห็นได้ว่า เลเซอร์ชนิด Dual Yellow Laser นั้นมีคุณสมบัติความแตกต่างจากชนิดอื่นได้ชัดเจน ประกอบด้วยแสงสีเหลือง และสีเขียว ที่ความอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว และปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียงหลังการรักษา
- Pico Laser
เลเซอร์ที่ช่วยลดรอยดำ รอยแดง รอยตำหริต่าง ๆ ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว โดยการปล่อนหลังงานเลเซอร์ในระดับที่แม่นยำ ช่วยทำลายเม็ดสีใชั้นผิวหนัง
ขั้นตอนการทำงานของ เลเซอร์หน้าใส
- การรักษารอยดำ รอยดำอาจเกิดจากการแกะสิว ทำให้ผิวเป็นแผล โดยพลังงานของ เลเซอร์หน้าใสจะจับกับเม็ดสี (Melanin) เพื่อทำลายจุดด่างดำนั้น
- การรักษารอยแดง พลังงานจะจับสีแดงของฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ที่เป็นสาเหตุของรอยแดง จึงช่วยให้เส้นเลือดฝอยสลายตัว และรอยแดงจางลง
- การกำจัดขน พลังงานก็จะไปจับกับเม็ดสี (Melanin) ที่อยู่ในชั้นผิว กลายเป็นความร้อนที่จะช่วยให้รากขนฝ่อหรือมีขนาดเล็กลงบางลงไปเรื่อย ๆ แต่เส้นขนจะเกิดขึ้นประมาณ 1-2 เดือนหลังทำจึงอาจต้องเข้ารับบริการหลายครั้ง
- การกระชับผิว โดยเลเซอร์หน้าใส สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน (Elastin) ใต้ชั้นผิว ส่งผลให้ผิวเต่งตึง และรูขุมขนกระชับยิ่งขึ้น
ประโยชน์ของเลเซอร์หน้าใส
เลเซอร์หน้าใสไม่ได้มีส่วนช่วยแค่ทำให้ผิวสว่างกระจ่างใสขึ้น แต่ยังเป็นตัวช่วยในปัญหาด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น
- ลดรอยแดง และรอยดำจากสิว
- ลดรอยดำที่เกิดจากรอยแผลเป็นที่หายดีแล้ว แต่ยังทิ้งร่องรอยหมองคล้ำไว้บางจุดของผิวหนัง
- ลดริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า
- กระชับรูขุมขนให้เล็กลง
- ปรับผิวที่ไม่สม่ำเสมอ โดยอาจเกิดจากรอยสิว หรือผิวที่หมองคล้ำเพียงบางส่วนให้กระจ่างใสสม่ำเสมอเท่า ๆ กัน
อีกประโยชน์ที่เด่น ๆ ของการเลเซอร์หน้าใสคือ การย่นระยะเวลาจาก 4-6 สัปดาห์ซึ่งเป็นระยะเวลาปกติของการผลัดเซลล์ผิวของร่างกายให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ทำให้ผิวของผู้เข้ารับบริการทุกคนกระจ่างใสเร็วขึ้น ไม่ต้องรอนานตามวงจรธรรมชาติของร่างกายก็สามารถมีผิวที่ใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ข้อดีและข้อควรระวังของการทำ เลเซอร์หน้าใส
ข้อดี
- สามารถช่วยรักษา และแก้ปัญหาผิวต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม
- มีความเข้มข้นแสงน้อยกว่าเลเซอร์ทั่วไป ไม่ทำลายผิวชั้นบน
- ใช้เวลาในการทำไม่นานประมาณ 30 นาที
- ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที
- สามารถลดจำนวนเส้นขนได้อย่างถาวรหากทำอย่างต่อเนื่อง
ข้อควรระวัง
- ต้องทำการรักษาซ้ำหลายครั้งถึงจะเห็นผลชัดเจน
- มีข้อจำกัดในการทำ โดยจะไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวคล้ำ และผู้ที่มีขนสีเข้ม
- หากทำติดต่อกันมากไปจะทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น
ควรทำ เลเซอร์หน้าใส กี่ครั้งถึงจะเห็นผล
หลายคนมีความกังวลว่าเลเซอร์หน้าใสบ่อย ๆ ผิวหน้าเราจะโดนความร้อนทำให้ผิวบางลงมีผลเสียต่อผิวในระยะยาว แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เลเซอร์หน้าใสมีการพัฒนาพลังงาน และ โหมดการใช้งานที่หลากหลาย เครื่องเลเซอร์หนึ่งรุ่นสามารถปรับการใช้งานได้หลายโหมดขึ้นกับความต้องการในการแก้ไขปัญหาผิวนั้น ๆ
ยกตัวอย่าง เช่น โหมดลดการสร้างเม็ดสี พลังงานเลเซอร์จะพุ่งเป้าไปที่การลดเม็ดสีเมลานินในบริเวณผิวที่มีรอยคล้ำ รอยดำ โดยจะไม่ไปรบกวนผิวบริเวณโดยรอบ ทำให้การเลเซอร์ผิวสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดมากกว่าการทาครีมหรือทรีตเม้นท์อื่น ๆ นั่นเอง ซึ่งปกติแล้วเซลล์ผิวของเราจะผลัดเซลล์ทุก 3-4 สัปดาห์อยู่แล้ว แพทย์ผิวหนังจะแนะนำให้ทำเลเซอร์ผิวโดยเว้นระยะอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์เช่นกันเพื่อให้การผลัดเซลล์ผิวของเรายังเป็นไปอย่างธรรมชาตินั่นเองค่ะ
การทำ เลเซอร์หน้าใส เจ็บไหม
การทำ เลเซอร์หน้าใส ถือได้ว่าเป็นหัตถการที่ค่อนข้างมีความเจ็บน้อยเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ซึ่งในบางรายอาจไม่รู้สึกเจ็บเลย แต่ในบางรายก็อาจรู้สึกเหมือนอุ่นๆ แสบ ๆ เหมือนโดนหนังยางดีด
โดยระดับความเจ็บจะขึ้นอยู่ความหนาของผิว ระดับความอดทนต่อความเจ็บของแต่ละคน รวมถึงบริเวณที่ทำก็มีส่วนด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ก่อนการทำจะมีการทาเจลเย็นช่วยลดความร้อน และความแสบระหว่างการทำหัตถการ
วิธีดูแลตัวเองก่อนทำและหลังทำหัตถการ
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการทำหัตถการ และการดูแลตัวเองหลังเข้ารับบริการนับว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามแม้แต่จุดเดียวเลยนะคะ เนื่องจากหากเราปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดจะช่วยลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงหลังทำหัตถการลงได้นั่นเองค่ะ
วิธีเตรียมตัวก่อนทำ เลเซอร์หน้าใส
- งดการแว็กซ์ขน ถอนขน
- งดการทานยาที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น aspirin อาหารเสริมต่าง ๆ
- งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารประกอบของวิตามินเออย่าง เรตินอล เรตินอยด์ (ส่วนมาอยู่ในยาทารักษาสิว) เพื่อป้องกันการเกิดการระคายเคืองผิวหลังทำ
- งดการสูบบุหรี่เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี และเป็นการลดประสิทธิภาพการทำงานของ เลเซอร์หน้าใส
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรงในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนมาทำ เลเซอร์หน้าใส
วิธีดูแลตัวเองหลังทำ เลเซอร์หน้าใส
- สำหรับใครที่มีเกิดผลข้างเคียงอย่างอาการเบิร์น รู้สึกแสบร้อน แนะนำให้ใช้ผ้าเย็นลูบเบา ๆ เพื่อช่วยบรรเทาอาการผิวไหม้
- งดการนวด ขัดถูผิวบริเวณที่ทำ
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหลังทำประมาณ 24 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดแรง ๆ โดยตรง แนะนำให้ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันรังสี UV แม้ว่าจะไม่โดนแดดก็ตาม
- ทาครีมบำรุงผิว ทาโลชั่นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
เลเซอร์หน้าใสที่ไหนดี ควรพิจารณาจากอะไรบ้าง
- เลือกคลินิกที่ใช้เครื่องเลเซอร์ที่ ผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารของไทย (อย.) และ ของประเทศสหรัฐอเมริกา US FDA เพื่อความมั่นใจว่าเป็นเลเซอร์ที่มีความปลอดภัยสูง
- เลือกคลิกนิกที่มีมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ และได้รับใบอนุญาตดำเนินการ อย่างถูกต้อง
- เลือกคลินิกที่แพทย์มีความชำนาญในการทำเลเซอร์โดยเฉพาะ
- เมื่อคลินิกที่มีข้อมูลรีวิวความพึงพอใจจากผู้ใช้บริการจริง
- The VOGUE Clinic เราใช้โปรแกรมดูแลหน้าใสด้วยเครื่อง CSB Laser เลเซอร์ ซึ่งเป็นเครื่องที่มีประสิทธภาพสูง และ เปิดให้บริการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- เลือกคลินิกมีช่องทางติดต่ออย่างละเอียด และที่สามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชม.(ในกรณีมีเหตุจำเป็น)
อาการข้างเคียงหลังทำ เลเซอร์ฆน้าใส มีอะไรบ้าง
- ผลข้างเคียงที่พบได้ตามปกติ
- หลังทำหัตถการ อาจรู้สึกระคายเคืองผิว มีผื่นขึ้น และเกิดอาการคัน รมถึงอาจมีอาการบวมแดง รอยช้ำ ในช่วง 2-3 วันแรกหลังทำ ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นได้เองค่ะ
- สีผิวเปลี่ยนอาจมีสีเข้มขึ้นหรือซีดลงได้ โดยสีผิวจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติประมาณ 1-2 สัปดาห์
- อาจเกิดรอยแผลเป็นนูน ในผู้ที่มีประวัติเกิดแผลคีลอยด์ได้ง่าย
- ผลข้างเคียงที่ไม่ควรเกิดขึ้น
- เกิดอาการเบิร์น รู้สึกแสบร้อนบริเวณที่ทำ
- เกิดการติดเชื้อทางผิวหนังในกรณีที่เครื่องมือที่ใช้ไม่ใช่เครื่องมือที่ได้มาตรฐาน หรือไม่มีความสะอาด
- ถ้าหากเกิดผลข้างเคียงอย่างอาการผิวเบิร์น การติดเชื้อทางผิวหนัง แนะนำให้รีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วนค่ะ
คำถามยอดฮิตที่พบบ่อย
Q:อายุเท่าไหร่ถึงควรทำเลเซอร์หน้าใส
A:เลเซอร์หน้าใส เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว อายุเท่าไหร่ก็สามารถทำเลเซอร์ได้ เพราะมีความอ่อนโยน และปลอดภัยต่อสภาพผิวมาก แต่สำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 3 ขวบ ถือว่ายังไม่เหมาะสมในการทำ เพราะถือว่าเป็นผิวที่ยังอ่อนเยาว์ไวต่อแสงเลเซอร์มาก
Q:เลเซอร์หน้าใส ทำให้ผิวหน้าบางลงไหม
A:สำหรับการทำเลเซอร์หน้าใส ไม่ได้ส่งผลกระทบทำให้หน้าสาว ๆ นั้นดูบางลงแม้แต่อย่างใด เพราะการทำเลเซอร์หน้าใสอย่างต่อเนื่องนั้น หมอจะนัดเว้นช่วงไป 4-6 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงที่ผิวปกติของเรานั้นผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไปเป็นปกติ จึงไม่ทำให้หน้าสาว ๆ นั้นบางลง
Q:เลเซอร์หน้าใส ควรเว้นระยะกี่วัน ต้องทำบ่อยไหม
A:ปกติในการเลเซอร์หน้าใสให้ได้ประสิทธิภาพในการรักษา และเห็นผลไวที่สุด ควรทำการรักษาต่อเนื่องกันอย่างน้อย 3-5 ครั้งอย่างต่อเนื่อง และควรเว้นระยะในการทำเลเซอร์หน้าใสครั้งต่อไป ประมาณ 4-6 สัปดาห์
Q:การทำในแต่ละครั้ง ใช้เวลานานไหม
A:ปกติในการทำเลเซอร์ทั่วไปจะใช้เวลาในการทำอยู่ที่ 30- 45 นาที 10 นาทีแรกเป็นขั้นตอนการทำความสะอาดผิวหน้า 15 – 20 เป็นขั้นตอนการทำเลเซอร์หน้าใส อีก 5 นาทีสุดท้ายเป็นการทาครีมกันแดด หลังจากทำการรักษาเสร็จ พยายามหลีกเลี่ยงการเจอแสงแดดเป็นพิเศษจะยิ่งช่วยประสิทธิในการทำงานของเลเซอร์