Radiesse Filler ตัวใหม่เนรมิตรผิวสวยได้ดั่งใจ
เสริมความแข็งแรงถึงชุดโครงสร้างรอบเซลล์ผิว ฟื้นฟูคอลลาเจนในเนื้อเยื่อผิวหนังให้ยืดหยุ่นกระชับ แม้สภาพผิวมากริ้วรอยหย่อนคล้อยจากมลภาวะและความชราด้วย Radiesse นวัตกรรมมใหม่แห่งการเติมเต็ม กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนบนใบหน้าให้ยกกระชับ คอนทัวร์เด่นสวยเป็น 3 เท่าด้วยคุณสมบัติเด่นหลายประการ ช่วยเพิ่มมิติแก่ใบหน้าให้สวยสมมาตรหลากมิติ
Radiesse® คืออะไร?
Radiesse คือ ฟิลเลอร์ชนิดพิเศษที่ประกอบด้วย CaHA หรือ Calcium Hydroxylapatite ซึ่งเป็น สารที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Biostimulator) จึงให้ผลลัพธ์ในการเติมวอลุ่มให้ผิวแบบเห็นผลทันที และลดเลือนริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ ในระยะยาว จึงเหมาะในการแก้ปัญหาริ้วรอย และร่องลึกบนใบหน้าที่เป็นค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รวมไปถึงบริเวณหลังมือนั่นเองค่ะ
Radiesse® ปลอดภัยไหม
Radiesse Filler ได้ผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย.ไทย แล้วค่ะ ในแวดวงความงาม ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ถูกนำมาใช้เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนชนิด CaHA หรือ Calcium Hydroxylapatite ซึ่งสารตัวนี้จะพบได้อยู่แล้วในกระดูกและฟัน ซึ่งปัจจุบันมักนำสารนี้มาใช้ในการแพทย์ เช่นการปลูกถ่ายกระดูกและการรักษาฟัน ด้วยความที่สารมีความเข้าได้กับร่างกายอย่างดี (Biocompatibility) และไม่เกิดการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ต่อต้าน (non-immunogecin properties) จึงเป็นสารที่มั่นใจได้ในความปลอดภัยได้เลยค่ะ
กระบวนการออกฤทธิ์ของ Radiesse
Radiesse มีส่วนประกอบหลักคือ CaHA เข้าถูกฉีดเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนังแล้ว ตัวเจลฟิลเลอร์จะไปช่วยเติมเต็ม ร่องลึกต่าง ๆ ได้ทันที นอกจากนี้สาร CaHA จะเริ่มทำงาน โดยการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบาสต์ (Fibroblast) ที่เป็นเซลล์ต้นกำเนิดคอลลาเจน ให้การสร้างโครงเส้นใยคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ โดยจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นในช่วง 3-4 สัปดาห์ ไปจนถึง 1 ปี หรือมากกว่านั้น เพื่อทดแทนตัวเจลฟิลเลอร์ที่จะค่อย ๆ สลายไป
Radiesse เหมาะกับใครบ้าง
- คนที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป
- คนที่ใบหน้าเริ่มสูญเสียคอลลาเจนและความยืดหยุ่น สุขภาพผิวไม่ดี ขาดการบำรุง ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ สภาพผิวแย่กว่าอายุที่ควรจะเป็น
- คนที่ใบหน้าเริ่มมีความหย่อนคล้อย ทำให้กรอบหน้าไม่ชัดเจน
- คนที่ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น เกิดความหมองคล้ำ
- คนที่ใบหน้าขาดวอลุ่ม เช่น ใต้ตาโหลลึก ขมับตอบ
- คนที่มีร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รอยย่นรอบปาก
- ขาดวอลุ่ม จากการสูญเสียไขมันและคอลลาเจนตามร่างกาย เช่น หลังมือ และขมับ
Radiesse สามารถฉีดจุดไหนบ้าง
- เติมเต็มบริเวณขมับ เพื่อแก้ปัญหาขมับตอบ ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการดูมีอายุ
- เติมเต็มบริเวณร่องน้ำหมาก เส้นที่ลากจากมุมปากลงมาถึงบริเวณคาง เส้นนี้ถ้ามีจะทำให้ดูมีอายุ
- เติมเต็มบริเวณหน้าแก้ม
- เติมเต็มบริเวณร่องแก้ม
- ช่วยปรับให้กรอบหน้าคมชัดยิ่งขึ้น ช่วยให้หน้ากระชับขึ้น
- เติมเต็มบริเวณรอบริมฝีปาก
- เติมเต็มบริเวณหลังมือ ช่วยคืนความเยาว์ให้กับหลังมือ เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้นการสูญเสียไขมัน ทำให้เห็นเส้นเอ็นและเส้นเลือดชัดเจน นั่นเองค่ะ
Radiesse VS ฟิลเลอร์ ต่างกันยังไง
หลายคนอาจรู้สึกสับสนว่า Radiesse กับ ฟิลเลอร์นั้นแท้จริงแล้วมีความแตกต่างกันอย่างไร จะได้เลือกเข้ารับบริการถูก สำหรับในหัวข้อนี้จะพาไปล้วงลึกถึงความแตกต่างของทั้งสองผลิตภัณฑ์นี้กันค่ะ
- เรื่องของส่วนประกอบหลัก
- Radiesse มีส่วนประกอบหลักเป็น CaHA ค่ะ
- ส่วนฟิลเลอร์อื่น ๆ มีส่วนประกอบหลักเป็น HA (เช่น Juvederm , Restylane)
ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่า CaHA จะดีกว่าในแง่ของการกระตุ้นคอลลาเจนไปพร้อมกับการเพิ่มวอลุ่มนั่นเองค่ะ
- เรื่องของระยะเวลาสลาย
- Radiesse อยู่ได้นานสุด คือ 1 ปีขึ้นไป
- ส่วนฟิลเลอร์แบบ HA มักจะไม่เกิน 1 ปีค่ะ
- ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีด
-
- Radiesse จะให้ผลการเติมเต็มทันที และช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว
- ส่วน HA filler จะได้เฉพาะผลการเติมเต็มอย่างเดียวค่ะ
- ลักษณะเนื้อฟิลเลอร์
-
- Radiesse จะมีความแข็งมากกว่าจึงเหมาะกับการฉีดในร่องลึก และผิวที่ขาดวอลุ่ม
- ส่วน HA filler จะมีชนิดที่ฉีดตื้น ๆ ได้มากกว่า
Radiesse VS Sculptra ต่างกันยังไง
- Radiesse เป็นตัวที่จัดอยู่ในกลุ่ม ฟิลเลอร์ด้วย คือมีความสามารถในการเพิ่มวอลุ่มได้ด้วย ควบคู่กับคุณสมบัติการกระตุ้นคอลลาเจน โดยมี CaHA เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งต่างจาก sculptra ที่ใช้ PLLA หรือ Ultracol ที่ใช้ PDO
- ผลการกระตุ้นคอลลาเจนของ Radiesse จะอยู่ที่ 1 ปี แต่ของ Sculptra จะอยู่ที่ 2 ปี (แต่ Sculptra ไม่เพิ่มวอลุ่ม)
- ตำแหน่งที่ฉีดของ Radiesse จะเน้นการเติมร่องลึกต่าง ๆ แต่ Sculptra จะเป็นการเติมกรอบหน้า ไม่เหมาะกับการเติมร่อง
อย่างไรก็ตาม เพื่อผลลัพธ์ความสวยงามแล้ว สามารถฉีดทั้งสองตัวควบคู่กันได้นะคะ เนื่องจากตำแหน่งฉีดที่ต่างกันนั่นเองค่ะ
ฉีด Radiesse ไปแล้วจะเริ่มเห็นผลตอนไหน
ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีด Radiesse สามารถแบ่งเป็น 2 ช่วงค่ะ
- ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่เห็นทันที ก็คือหลังฉีดไปแล้ว พบว่าผิวเกิดความกระชับ ร่องลึกต่าง ๆ ที่ตื้นขึ้น ริ้วรอยจางลง
- ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงระยะยาว ก็คือหลังจากการฉีด 3-4 สัปดาห์ CaHA ใน Radiesse จะเริ่มออกฤทธิ์กระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวเกิดการเปลี่ยนแปลง คุณภาพผิวบริเวณที่ฉีดดีขึ้น กระชับขึ้น ยืดหยุ่นขึ้น และวอลุ่มบริเวณนั้นก็จะดีขึ้นค่ะ
Radiesse อยู่ได้นานแค่ไหน
ผลลัพธ์ของการฉีดจะสามารถอยู่ได้นานอย่างน้อย 1 ปีค่ะ และสามารถอยู่ได้นานมากกว่านั้น ขึ้นกับคุณภาพผิวเดิม และอายุของคนไข้ รวมถึงตำแหน่งที่ฉีดด้วย แต่ด้วย CaHA จึงทำให้ Radiesse เป็นฟิลเลอร์ที่เห็นผลได้ยาวนานกว่าฟิลเลอร์แบบปกตินั่นเองค่ะ
ทำไมต้องฉีด Radiesse Filler ที่ The VOGUE Clinic ชลบุรี
- เป็นคลินิกที่ก่อตั้ง และทำการดูแลโดย พญ.อัชฌา ทางพัฒนกุล (หมอบีม) ซึ่งเป็นอาจารย์แพทย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง อีกทั้งยังเป็นอาจารย์แพทย์ผู้สอนเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ให้กับแพทย์ท่านอื่นอีกด้วย จึงสามารถประเมินการรักษาได้อย่างถูกต้องที่สุด นับว่าเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผ่านการทำเคสดูแลคนไข้มาไม่ต่ำกว่า 1,000 เคส มีรางวัลการันตีมากมาย
- ตัวยาที่ใช้ เปฌนตัวยาแท้ นำเข้าจากบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอย่าถูกต้องสามารถตรวจสอบได้
- คลินิกมีหลายสาขาให้ได้ใช้บริการ
- คลินิกสะอาด ได้รับมาตรฐานจากกระทรวงอย่างถูกต้อง
- คลินิกมีที่จอดรถอย่างสะดวกสบาย
ข้อควรระวังในการฉีด Radiesse Filler
- หากคนไข้เป็นสิว หรือเป็นแผลควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการฉีดโปรแกรม Radiesse Filler
- หากต้องการฉีด Radiesse Filler บริเวณริมฝีปากและบริเวณรอบดวงตาควรปรึกษาแพทย์ตามความเหมาะสมและควรใช้บริการแพทย์ที่มีฝีมือในการทำการฉีด
- คนไข้ที่มีประวัติของโรคเริมควรแจ้งแพทย์ผู้เกี่ยวข้องการทำการฉีดโปรแกรม Radiesse Filler
- หากผู้เข้ารับบริการกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือดหรือยาจำพวกก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือด อาทิ แอสไพริน วาร์ฟาริน อาจทำให้เกิดอาการเลือดออก หรือรอยช้ำหลังทำการฉีดโปรแกรม Radiesse Filler ได้ควรรับแจ้งแพทย์ให้ทราบโดยละเอียดนะคะ
- หากมีประวัติเกิดแผลคีลอยด์ควรแจ้งให้แพทย์ทราบโดยละเอียดค่ะ
การดูแลตัวเองหลังฉีด Radiesse
- หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ ซาวน่า อุณหภูมิสูง แสงแดดจัด 24 ชม
- คนไข้สามารถประคบเย็นได้ หากมีอาการบวมมาก แนะนำว่าห้ามประคบร้อนนะคะ
- หลีกเลี่ยงยากลุ่มแอสไพริน หรือ NSAID อย่างน้อย 1 สัปดาห์ ถ้ามีอาการปวดแนะนำทานพาราเซตามอลค่ะ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- งดการกดนวดบริเวณที่ฉีด 2 สัปดาห์ โดยแพทย์จะเป็นผู้นวดเองหลังฉีดเพียงครั้งเดียว
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 2 สัปดาห์
- สังเกตอาการผิดปกติต่าง ๆ เช่น บวมมากผิดปกติ มีอาการแดงร้อนบริเวณที่ฉีด หรือปรึกษาแพทย์หากมีอาการไม่แน่ใจ
หลังการฉีด Radiesse อาจมีแดง ช้ำ บวม คันยิบ ๆ และกดเจ็บบริเวณที่ฉีด แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เนื่องจากส่วนมากอาการเหล่านี้จะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมง หรือ 2-3 วันหลังฉีดค่ะ บางคนที่ช้ำง่ายก็อาจมีอาการดังกล่าวนานถึง 14 วันได้ค่ะ