Sculptra

หน้าใสฉ่ำวาว

Sculptra

ปัญหาของความหย่อนคล้อย ไม่เต่งตึง รวมถึงปัญหา ริ้วรอยเล็กๆ ต่างๆ จะสามารถเห็นได้ชัดเจนเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น หากขาดการดูแล อาจกลายเป็นริ้วรอยร่องลึกได้นะคะ ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าปัญหาดังกล่าวนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนเลยค่ะ สาเหตุสำคัญของการเกิดการเสื่อมสภาพของผิวนั้นก็คือการลดลงของคอลลาเจนในชั้นผิวนั่นเองค่ะ 


Sculptra คืออะไร ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างไร ?

ปัญหาของความหย่อนคล้อย ไม่เต่งตึง รวมถึงปัญหา ริ้วรอยเล็กๆ ต่างๆ จะสามารถเห็นได้ชัดเจนเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น หากขาดการดูแล อาจกลายเป็นริ้วรอยร่องลึกได้นะคะ ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าปัญหาดังกล่าวนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนเลยค่ะ สาเหตุสำคัญของการเกิดการเสื่อมสภาพของผิวนั้นก็คือการลดลงของคอลลาเจนในชั้นผิวนั่นเองค่ะ 

Sculptra เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีส่วนช่วยในเรื่องของการฟื้นฟูสภาพผิวของเรา แถมยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้แก่ผิวอีกด้วย ในบทความนี้ขอพาไปทำความรู้จักกับ Sculptra ให้มากขึ้นSculptra คืออะไร อันตรายไหม ช่วยอะไรได้บ้าง เหมาะกับผิวแบบไหนรวมถึงเรื่องอื่น ๆ ที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจฉีด Sculptra ด้วยค่ะ


Sculptra คืออะไร

Sculptra คืออะไร

Sculptra คือ สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติตัวแรกของโลกเลยก็ว่าได้ค่ะ ซึ่งสารตัวนี้มาพร้อมคุณสมบัติในการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว เพื่อทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น ส่งผลให้ผิวกระชับ อิ่มฟู ยืดหยุ่น  นอกจากนี้ยังช่วยฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวชั้นลึก ทำให้ผิวแข็งแรงจากภายใน คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวอย่างเป็นธรรมชาตินั่นเองค่ะ


Sculptra มีกระบวนการทำงานอย่างไร

Sculptra มีกระบวนการทำงานอย่างไร

Sculptra จะถูกผสมด้วย Sterile water ก่อนนำไปฉีดเข้าผิวชั้น Subcutaneous ในช่วง 2-3 วันแรก ผิวบริเวณที่ฉีดจะดูเต็มอิ่มฟูทันที เนื่องจากโมเลกุลน้ำที่ฉีดเข้าไป หลังจากนั้นโมเลกุลของน้ำจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เหลือแต่ผลึกของสาร PLLA นั่นเองค่ะ ในช่วงนี้จะสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจนเลยว่าร่องริ้วรอยนั้นกลับมาค่ะ 

แต่อย่าเพิ่งกังวลไปนะคะ จากนั้นต่อมา Sculptra จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนผ่านระบบภูมิคุ้มกันของเรา โดยส่งสัญญาณให้ Fibroblast เซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจนเข้ามารวมตัวกันและเพิ่มจำนวน จึงเกิดการสร้างคอลลาเจนได้มากขึ้น ซึ่งช่วยให้ผิวบริเวณที่ฉีดจึงมีความกระชับ อิ่มฟู และโครงสร้างชั้นผิวแข็งแรงยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ

เมื่อเวลาผ่านไป Sculptra จะค่อย ๆ สลายจนหมด เหลือเพียงเส้นใยคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้นแทน สามารถช่วยให้โครงสร้างผิวแข็งแรงได้ระยะยาว คงผลลัพธ์เรื่องการยกกระชับและฟื้นฟูผิวได้ประมาณ 2 ปีเลยนะคะ


ใครบ้างที่ควรฉีด Sculptra 

ใครบ้างที่ควรฉีด Sculptra 

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ ขาดความยืดหยุ่น
  • ผู้ที่ริ้วรอยที่เห็นได้ชัด ริ้วรอยจากอายุที่มากขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวภายใน ผิวที่ขาดการดูแลเป็นเวลานาน
  • ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว ต้องการผิวแน่นอิ่มฟู
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์การฉีดที่ยาวนาน ไม่มีเวลาฉีดบ่อย ๆ เพราะ Sculptra คงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 2 ปี

การฉีด Sculptra ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

  • ช่วยฟื้นฟูผิวชั้นลึก ปรับโครงสร้างผิวจากภายใน ช่วยให้ผิวแข็งแรง
  • ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย
  • ช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกให้ดูจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ ให้ผิวตึงกระชับ เรียบเนียน
  • ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น กระจ่างใส

Sculptra แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร 

  • ความต่างของ Sculptra กับ ฟิลเลอร์ 
    การฉีดฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic acid หรือ HA นั่นเองค่ะ ซึ่งคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องการเก็บกักน้ำ ให้ความชุ่มชื้นกับผิวบริเวณที่ฉีด เติมเต็มจุดต่าง ๆ ของใบหน้าที่มีการยุบตัว ลึกโหล
    หลังทำจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเติมเต็มอิ่มฟูได้ทันที ซึ่งต่างจาก Sculptra ที่เป็นสาร PLLA มีคุณสมบัติกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเองตามกระบวนการตามธรรมชาติ ช่วยให้โครงสร้างผิวแข็งแรงจากภายในและมีความยืดหยุ่น เรียบเนียน ไม่เน้นการเติมปริมาตรเพียงอย่างเดียว แต่ต้องใช้เวลาเห็นผลหลังฉีด 3 สัปดาห์ขึ้นไป จึงเริ่มเห็นผลชัดเจนนั่นเองค่ะ
  • ความต่างของ Sculptra กับ เมโสหน้าใส
    เมโสหน้าใส คือการฉีดวิตามินและสารสกัดที่มีประโยชน์เข้าสู่ผิวหน้า เพื่อช่วยบำรุง ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพและแก้ปัญหาต่างๆ บนผิวหน้า เช่น ลดสิว ลดผื่น ช่วยให้ฝ้า กระ จางลง ลดรอยดำจากสิวนั่นเองค่ะ ผลลัพธ์หลังฉีดเมโสหน้าใสจะอยู่ได้เพียง 2-3 เดือนเท่านั้นค่ะ อย่างไรก็ตาม Sculptra เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนชนิด PLLA โดดเด่นในเรื่องการช่วยให้ผิวอิ่มฟู ยกกระชับ และลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า เป็นวิธีทำให้หน้าใสอีกวิธีหนึ่งที่คงผลลัพธ์ได้นานค่ะ
  • ความต่างของ Sculptra กับ Rejuran 
    Rejuran เป็นสารพันธุกรรมของปลาแซลมอนที่มีลำดับเบสใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์ เมื่อ Rejuran เข้าสู่ชั้นผิว จะช่วยกระตุ้นการเจริญและการแบ่งตัวของเซลล์ Fibroblast ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนมากขึ้น สร้างเซลล์เนื้อเยื่อใหม่และฟื้นฟูเซลล์ผิวเดิมที่ถูกทำลาย ทำให้ผิวแข็งแรง เพิ่มประสิทธิภาพของเกราะป้องกันผิวหน้า (Skin Barrier) ให้ถูกทำลายได้ยากมากขึ้น รูขุมขนเล็กลง ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูลดลง ดูกระจ่างใสนั่นเองค่ะ ส่วน Sculptra เป็นสารสกัดจากพืช เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและโอกาสแพ้น้อย ไม่ตกค้างในร่างกาย เหมาะกับคนที่ต้องการให้ผิวอิ่มฟู ยกกระชับผิว ลดริ้วรอยร่องลึกนั่นเองค่ะ

ข้อควรระวังการฉีด Sculptra

  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • ห้ามใช้ในผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของ Sculptra ได้แก่ Poly-L-lactic acid (PLLA), Carboxymethylcellulose (CMC) , Non-pyrogenic mannitol
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune, SLE)
  • ผู้ที่ใช้ยาในยากดภูมิคุ้มกัน
  • ผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ชนิดรุนแรง (Anaphylaxis)
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังหรือเกิดการอักเสบในตำแหน่งที่ทำ
  • ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีด Sculptra
  • หลังทำ Sculptra อาจมีอาการบวม ปวด มีรอยแดงในบริเวณที่ฉีดได้ จะค่อย ๆ หายได้เองใน 2-3 วันนะคะ และในบางราย อาจคลำพบก้อนเล็ก ๆ ใต้ผิวหนังในช่วงแรก แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะแนะนำให้นวดบริเวณที่ฉีดตามคำแนะนำของแพทย์ จากนั้นก้อนดังกล่าว จะค่อย ๆ หายไปค่ะ

ขั้นตอนการฉีด Sculptra

  • เข้ารับการตรวจประเมินสภาพผิว สอบถามปัญหาที่กังวล และรับคำปรึกษาจากแพทย์ รวมถึงรับทราบข้อปฏิบัติก่อนและหลังทำ Sculptra
  • แปะยาชาในบริเวณที่ฉีด เป็นเวลาประมาณ 45 นาที
  • ในขณะที่แปะยาชา แพทย์จะทำการเตรียม Sculptra ให้อยู่ในรูป Active form โดยผสม Sculptra เข้ากับน้ำกลั่นปราศจากเชื้อ (Sterile water)
  • แพทย์ฉีด Sculptra ที่พร้อมใช้แล้วลงใต้ชั้นผิว 1.5-2 เซนติเมตร ด้วยเข็มทู่ขนาด 22-25 G
  • เมื่อฉีดเสร็จแล้ว จะมีขั้นตอนการนวดหน้าเพื่อให้ยากระจายตัวไปช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในบริเวณที่ต้องการ 

การดูแลตัวเองหลังฉีด Sculptra 

การดูแลตัวเองหลังฉีด Sculptra 

เพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนานหลังเข้ารับบริการ แนะนำให้คนไข้ปฏบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดนะคะ

  • แนะนำให้ประคบเย็น เพื่อลดอาการปวด บวมช้ำได้
  • ควรนวดบริเวณที่ฉีดเบาๆ ครั้งละ 5 นาที วันละ 5 ครั้ง โดยเริ่มนวด 5 วันหลังทำไปแล้วนะคะ
  • คนไข้สามารถแต่งหน้าได้หลังทำ 4 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ต้องเสียเหงื่อมาก อย่างการซาวน่า อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • หลี่กเลี่ยงกิจกรรมที่มีแดดจัด เช่น การอาบแดดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง
  • งดการทำทรีทเม้นต์ สครับและเลเซอร์ผิว อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์หลังทำ

 


ความงามที่เกี่ยวข้อง