ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป รวมถึงเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้วิถีชีวิตประจำวันเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการเสพโซเชียลมากขึ้น นอนหลับพักผ่อนน้อย ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพผิว ความหมองคล้ำที่อาจตามมา
แต่ที่นับว่าเป็นปัญหาหลักและน่าหนักใจสำหรับสาวๆหลายคน ก็คงหนีไม่พ้นปัญหาใต้ตา ไม่ว่าจะเป็น ถุงใต้ตา ใต้ตาคล้ำ ตาโหล ขอบตาลึก ริ้วรอยใต้ตา เบ้าตาลึก สามารถพบได้ทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งส่งผลต่อบุคคลิกและความมั่นใจของคนไข้โดยตรงค่ะ
หากจะเอ่ยถึงการแก้ปัญหา ต้องบอกก่อนว่ามีหลากหลายวิธีนะคะ ไม่ว่าจะเป็น เติมไขมันใต้ตา ทาครีมบำรุง ดูดไขมันใต้ตา เลเซอร์ถุงใต้ตา ฟิลเลอร์ใต้ตา ฉีดไหมน้ำใต้ตา
แต่ในยุคที่การฉีดผิวและการทำศัลยกรรม ถือเป็นเรื่องปกติแบบนี้ วิธีที่ได้รับความนิยม ก็คงหนีไม่พ้น “การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา” นั่นเองค่ะ ซึ่งสังเกตุได้จากสถาบันความงามต่าง ๆ ได้มีการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายมากมายเพื่อดึงดูดลูกค้า และรีวิวการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่มีทุกสถาบันความงาม จึงเป็นเครื่องการันตีได้ว่า การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานี้เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เดี๋ยววันนี้จะพามารู้จักกับ “การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา” กันนะคะ
อย่างแรกต้องขออธิบายก่อนนะคะว่า ฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) ค่ะ ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไป เนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งฟิลเลอร์สามารถเติมเต็มได้หลายจุดเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็น หน้าผาก ,ขมับ, ใต้ตาตา,จมูก,ร่องแแก้ม,ปาก,หลังมือ รวมไปถึงคางด้วยค่ะ
อย่างไรก็ตามบทความนี้จะขอเน้นไปที่การ “ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา” เพื่อลดรอยคล้ำ ริ้วรอย บริเวณใต้ตา ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย ใบหน้ากลับมาสดใส ดูเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญหลังทำเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีเลยนะคะ
พฤติกรรม การใช้ชีวิตประจำวัน
ต้องขอบอกก่อนเลยนะคะว่า การดำรงชีวิตของเราในทุกๆวันก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดปัญหาใต้ตาได้เช่นเดียวกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็น การขยี้ตา, พักผ่อนน้อย, นอนดึก, ความเครียด รู้อย่างนี้แล้ว เรามาลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันกันดูนะคะ
โรคภูมิแพ้
ขอบตาดำเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เลี่ยงไมได้ สำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้เลยก็ว่าได้ค่ะ เนื่องจากกระบบการไหลเวียนเลือดติดขัด ทำให้เส้นเลือดบริเวณผิวหนังใต้ตาขยายตัว
พันธุกรรม
สามารถก่อให้เกิดปัญหาถุงใต้ตา ร่องใต้ตาได้ เนื่องจากกระดูกบริเวณเบ้าตาและใต้ตานั้นเติบโตได้ไม่ดีเท่าที่ควรค่ะ
การยุบตัวของชั้นไขมันบริเวณใต้ตา
ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น นับว่าเป็นเรื่องปกติค่ะ ที่ชั้นไขมันบริเวณใต้ตาจะฝ่อ และบางลง ทำให้เบ้าตาดูลึกนั่นเองค่ะ
ถุงใต้ตาเทียม
หลายคนอาจสงสัยว่าถุงใต้ตาเทียมนั้นคืออะไร ต้องบอกก่อนเลยว่าถุงใต้ตาเทียมนั้นไม่ใช่ถุงใต้ตาที่มีมาตั้งแต่เด็ก แต่เกิดจากพฤติกรรมการดำรงชีวิตที่ทำให้เกิดถุงใต้ตาบวมขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขยี้ตา การร้องไห้ การใช้สายตามากเกินไป และการที่มีความเครียดสูงนั่นเองค่ะ
ถุงใต้ตาแท้
เกิดจากการที่ผนังกั้นเปลือกตาล่างอ่อนแอลง ส่งผลให้ไขมันใต้ตาหย่อนคล้อยเกิดเป็ยถุงใต้ตา นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการยุบตัวของกระดูกใต้ตา การเสื่อมสภาพของผิวเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดเป็นลักษณะของถุงใต้ตาและผิวหย่อนคล้อยนั่นเองค่ะ
ปัญหาใต้ตานั้น เป็นปัญหาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เมื่ออายุมากขึ้น บริเวณใต้ตาจะยุบลง ส่งผลให้เกิดร่องลึก ต้องขอบบอกก่อนเลยนะคะว่าปัญหาดังกล่าวนั้นสามารถแก้ไขได้หลากหลายวิธี แต่วิธีที่ได้รับความนิยมมากสุดก็คงหนีไม่พ้น "การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา" นั่นเองค่ะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะคะว่า ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยในเรื่องของอะไรบ้าง ไปรับฟังพร้อมกันเลยค่ะ
ดูดไขมันใต้ตา
วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันสะสมบริเวณใต้ตาค่อนข้างเยอะ จนดูเป็นถุงใต้ตา ซึ่งการดูดไขมันใต้ตานั้น จะมีแผลประมาณ 3-5 มิลลิเมตร เท่านั้นค่ะ แต่ต้องขอบอกก่อนนะคะว่า การดูดไขมันใต้ตานั้นไม่เหมาะกับคนที่ผิวใต้ตาหย่อนคล้อยมากนะคะ
เติมไขมันใต้ตา
วิธีนี้ เป็นการนำไขมันส่วนเกินบริเวณส่วนอื่นของคนไข้เอง ไม่ว่าจะเป็น ต้นขาหรือหน้าท้อง มาฉีดเติมเต็มบริเวณใต้ตา เพื่อแก้ไขปัญหาใต้ตาลึก ริ้วรอยใต้ตา ช่วยให้ใต้ตาเต่งตึง อเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ วิธีนี้จึงเหมาะกับคนที่ร่องใต้ตาลึกและกว้างมากนั่นเองค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
เป็นการฉีดสารเติมเต็มเพื่อแก้ไขปัญหาค่ะ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานี้ถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดที่สุดเลยก็ว่าได้ค่ะ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานี้สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ขอบตาคล้ำ ค่ะ เป็นหัตถการที่เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ แถมไม่มีรอยแผลด้วยนะ
เลเซอร์ถุงใต้ตา
เทคนิคนี้เป็นการตัดถุงไขมันสะสมบริเวณใต้ตาจากด้านในเปลือกตาด้วยไมโครเลเซอร์ค่ะ ซึ่งวิธีนี้จะไม่มีแผลด้านนอกนะคะ
ครีมบำรุงล้ำลึก
การทาครีมก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตานะคะ ไม่ว่าจะเป็น ความหมองคล้ำ ความหย่อนคล้อย แต่ต้องขอบอกก่อนเลยนะคะว่ การทาครีมนี้ใช้ระยะเวลาในการรักษาค่อนข้างนานและเห็นผลไม่ชัดเจนค่ะ
ปัญหาใต้ตาไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย ใต้ตาลึก ล้วนแล้วมีสาเหตุมาจาก 2 ปัจจัยหลักด้วยกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการยุบตัวของกระดูก และ การยุบตัวของเนื้อบริเวณใต้ตา แต่ต้องขอบอกก่อนเลยนะคะว่า หากปัญหาดังกล่าวนั้นเกิดจากการยุบตัวของกระดูก วิธีแก้ไขโดยการฉีดไขมันใต้ตา หรือการฉีดฟิลเลอร์เนี่ย จะไม่สามารถช่วยแก้ไขได้นะคะ
แต่...ถ้าปัญหาดังกล่าวมาสาเหตุมาจากการยุบตัวของเนื้อบริเวณใต้ตานั้น การฉีดฟิลเลอร์และการเติมไขมันใต้ตานั้นสามารถช่วยได้ค่ะ เดี๋ยววันนี้จะเล่าให้ฟังนะคะว่า การฉีดฟิลเลอร์กับการฉีดไขมันใต้ตามีข้อแตกต่างกันอย่างไร
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเป็นการแก้ไขปัญหาใต้ตาต่างๆ โดยใช้สารเติมเต็มประเภท HA ที่ปลอดภัยค่ะ ซึ่งการฉีดฟิลเอร์ใต้ตานี้จะใช้เวลาในการทำหัตถการไม่นาน แถมเจ็บน้อย ไร้รอยแผล ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นอีกด้วยนะคะ ในส่วนของผลลัพธ์หลังทำนั้นต้องบอกก่อนเลยค่ะว่า การเติมเต็มด้วยการฉีกฟิลเลอร์นั้นจะให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจทันทีเลยค่ะ
แต่เดี๋ยวก่อนนะคะในช่วง 2-3 วันแรกอาจพบอาการบวมได้ ซึ่งอาการบวมเหล่านี้จะค่อยๆหายไปเองค่ะ ข้อเสียของการฉีดฟิลลอร์นี้ก็อย่างที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วนะคะว่า ไม่สามารถอยู่ได้ถาวรค่ะ จำเป็นที่จะต้องเข้ามาเติมซ้ำอีกเรื่อยๆนั่นเอง
การเติมไขมันใต้ตา
การเติมเต็มปัญหาใต้ตาด้วยการฉีดไขมัน ต้องขอบบอกก่อนเลยนะคะว่าวิธีนี้เป็นการผ่าตัดค่ะ จำเป็นที่จะต้องมีการพักฟื้นนะคะ แต่ข้อดีนั้นมีมากมายเลยค่ะ เนื่องจากการเติมไขมันนั้นเป็นการใช้ไขมันตัวเองจากส่วนอื่นของร่างกายมาปั่นแยกของเหลว แล้วนำมาเติมบริเวณใต้ตาของเรานั่นเองค่ะ โอกาสที่จะเกิดการแพ้นั้นมีน้อยมาก แถมผลลัพธ์นั้นอยู่ได้นานอีกด้วยนะ
อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับมาตรฐาน จะไม่สลายไปเองตามธรรมชาติ ทำให้เกิดการตกค้างบริเวณที่ฉีด ซึ่งหากปล่อยไว้นานๆอาจเกิดการอักเสบได้ค่ะ ในบางรายที่เลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ อาจก่อให้เกิดปัญหาฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด ในกรณีนี้อันตรายอย่างมากค่ะ เนื่องจากคนไข้อาจตาบอดได้นั่นเอง
ดังนั้นหากต้องการฉีดฟิลเลอร์ควรเลือกศึกษาข้อมูลแพทย์ผู้ทำหัตถการอย่างละเอียดเสียก่อน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงข้อมูลของตัวฟิลเลอร์ที่จะนำมาฉีดบริเวณใต้ตาของเราด้วยนะคะ ในส่วนของการเลือกฟิลเอลร์ หากเป็นฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจากองค์กรอาหารและยา หรือ อย. จะมีความปลอดภัยสูงค่ะ โอกาสเกิดอันตรายน้อยมากด้วยนะคะ เนื่องจากเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายของเราอยู่แล้วนั่นเอง สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสิ่งตกค้างหลงเหลือในบริเวณที่ฉีดค่ะ
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่เพิ่มความมั่นใจให้กับสาว ๆ หลายคน แถมยังเป็นที่นิยมมากอีกด้วยนะคะ ต้องขอบอกก่อนเลยนะคะว่า ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์นั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ แถมยังใช้เวลาในการทำหัตถการน้อยอีกด้วย ส่วนขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
เห็นผลลัพธ์หลังทำทันที
ด้วยเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถเห็นผลลัพธืได้ทันที เนื่องจากสารที่ใช้ฉีดเข้าไปบริเวณใต้ตานั้นจะมีความคงตัวทันที หากคนไข้รู้สึกไม่พึงพอใจก็สามารถเติมหรือนำสารเติมเต็มออกจากบริเวรใต้ตาได้ทันทีนั่นเองค่ะ
ไม่ต้องผ่าตัด
เนื่องจากเป็นการแก้ไขปัญหาริ้วรอยหรือความบกพร่องบนใบหน้าด้วยการฉีดสารเติมเต็ม หรือที่เราเรียกกันว่า "ฟิลเลอร์" จึงไม่จำเป็นที่จะต้องกรีดเปิดแผลเพื่อทำการผ่าตัดแต่อย่างใด
ไม่ต้องพักฟื้น
เนื่องจากวิธีนี้ไม่ใช่การผ่าตัด จึงไม่ได้ส่งผลกระทบกับร่างกาย ดังนั้นหลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นเลยค่ะ
ฟิลเลอร์สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
หากฟิลเลอร์ที่แพทย์ใช้เป็นไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) แท้ เมื่อระยะเวลาผ่านไปจะสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสิ่งตกค้างนั่นเองค่ะ และหากคนไข้ไม่พึงพอใจในผลลัพธ์ก็สามารถฉีดตัวยาสลายฟิลเลอร์ได้นั่นเองค่ะ
ฟิลเลอร์ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร
อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่าการฉีดฟิลเลอร์นั้นเป็นการเสริมความงามที่ไม่สามารถอยู่ได้อย่างถาวร ทำให้ต้องมีการมาเติมใหม่เสมอ โดยส่วนใหญ่แล้วฟิลเลอร์นั้นจะสามารถอยู่ได้ประมาณ 4-12 เดือน ก่อนทีจะสลายตัวไปตามธรรมชาติ โดยไม่เป็นอันตราย ไม่ทิ้งสารตกค้าง
ฟิลเลอร์ราคาค่อนข้างสูง
สารไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) เป็นสารที่สามารถเข้าไปอยู่ในร่างกายของคนเราได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น หลังจากนั้นจะสลายไปเองตามธรรมชาติค่ะ ส่งผลให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ อย่างเช่นใต้ตา กลับสู่สภาพเดิม ดังนั้นหากต้องการผลลัพธ์ระยะยาวอาจต้องมีการกลับเข้ามาฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตามระยะเวลาที่กำหนด
ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับมาตรฐาน
หากเลือกฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับมาตรฐานอาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนตามมา นอกจากนี้หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญมากพออาจทำให้ฟิลเลอร์เข้าไปอุดตันเส้นเลือด และเป็นอันตรายต่อดวงตาได้ค่ะ
อาการข้างเคียงหลังการฉีดฟิลเลอร์
อย่างที่ทราบกันดีนะคะว่า หลังฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วอาจมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคันบริเวณจุดที่ฉีดตัวยาเข้าไป อย่าเพิ่งกังวลไปนะคะ เพราะอาการเหล่านี้ถือเป็นปกติของการฉีดฟิลเลอร์ค่ะ แนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการสัมผัส การเกา กด นวด บริเวณที่ฉีดนะคะ แล้วอาการจะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ โดยจะใข้ระยะเวลาประมาณ 2-3 วัน เท่านั้นค่ะ แต่หากหลังจาก 3 วันไปแล้วอาการไม่ดีขึ้น แนะนำว่าให้รีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาได้เลยค่ะ
ข้อห้ามหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็ว แถมยังช่วยรักษาผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์ให้อยู่ได้นานขึ้นอีกด้วยนะคะ ดังนั้นเรามาดูกันนะคะว่าข้อห้ามที่ว่านั้นมีอะไรบ้าง
การเตรียมตีวก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์นั้นสำคัญนะคะ เนื่องจากเป็นการลดโอกาสเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นขณะทำหัตถการ และยังช่วยให้ขั้นตอนการทำหัตถการดำเนินไปได้อย่างราบรื่นอีกด้วยค่ะ ดังนั้นวันนี้จึงขอนำเคล็ดลับการเตรียมตัวก่อนเข้ารับหัตถการมาฝากกันค่ะ