ล้างพิษหลอดเลือด

สุขภาพ

ล้างพิษหลอดเลือด

คีเลชั่น (Chelation Therapy) คือ การล้างพิษหลอดเลือด ผ่านทางน้ำเกลือ ที่มีสารประกอบประเภทกรดอะมิโน ที่เรียกว่า EDTA ผสมกับวิตามินและแร่ธาตุ ต่างๆ  ซึ่ง EDTA ทำหน้าที่สำคัญ ในการจับสารโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท  สารหนู หรือแม้แต่แคลเซียมส่วนเกินซึ่งสะสมตกค้างในเนื้อเยื่อและพอกอยู่ตามผนังหลอดเลือดของเราแล้วขจัดสารโลหะหนักเหล่านี้ออกผ่านระบบปัสสาวะ 


คีเลชั่น (Chelation Therapy) 

คีเลชั่น (Chelation Therapy) คือ การล้างพิษหลอดเลือด ผ่านทางน้ำเกลือ ที่มีสารประกอบประเภทกรดอะมิโน ที่เรียกว่า EDTA ผสมกับวิตามินและแร่ธาตุ ต่างๆ  ซึ่ง EDTA ทำหน้าที่สำคัญ ในการจับสารโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท  สารหนู หรือแม้แต่แคลเซียมส่วนเกินซึ่งสะสมตกค้างในเนื้อเยื่อและพอกอยู่ตามผนังหลอดเลือดของเราแล้วขจัดสารโลหะหนักเหล่านี้ออกผ่านระบบปัสสาวะ ระยะเวลาในการให้น้ำเกลือแต่ละครั้งประมาณ 2 ชั่วโมง ระหว่างที่ให้น้ำเกลือ สามารถพักผ่อน ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือหรือฟังเพลงได้ปกติ ภายหลังเสร็จการรักษาสามารถประกอบกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันได้เหมือนเดิม

 


โลหะหนักอันตรายต่อชีวิตอย่างไร?

  • เซลล์เสื่อม ตาย กลายพันธุ์
  • ก่อเกิดมะเร็งต่างๆ
  • เปลี่ยนแปลงโครงสร้างยีน พันธุกรรม
  • ก่อเกิดโรคเรื้อรัง  NCDs
  • คุณภาพชีวิตต่ำลง

คีเลชั่นเหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือด เช่น อุดฟันด้วยโลหะอมัลกัม มีไขมันในเลือดสูง มี ระดับอนุมูลอิสระสูง เช่น ดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือคนใกล้ตัวสูบบุหรี่
  • ผู้ที่มีปัญหาพิษโลหะสะสม และปัญหาสารพิษอื่นๆ สะสมในร่างกาย
  • ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ การไหลเวียนเลือดบกพร่อง มีอาการ เช่น เวียนหัวง่าย ฯลฯ
  • ผู้ที่มีปัญหาโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากหลอดเลือดไม่ยืดหยุ่น
  • ผู้ที่แข็งแรงดี แต่ต้องการป้องกันตนเองจากโรคเส้นเลือดตีบตัน รวมทั้งต้องการกำจัดสารพิษ และโลหะหนักออกจากร่างกาย และต้องการรักษาสภาพของเส้นเลือดทั่วตัว
  • ผู้ที่ไปทำบอลลูนเส้นเลือด ใส่ขดลวด ทำบายพาสมาแล้ว เพราะอาจจะเกิดการอุดตันได้อีก

ทำคีเลชั่นควรเริ่มต้นอย่างไร

ตรวจวิเคราะห์เม็ดเลือด แพทย์จะทำการตรวจวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกร็ดเลือด สิ่งแวดล้อม (โลหะหนัก) ในกระแสเลือดและความบกพร่องของลำไส้เล็ก ตรวจเลือดดูค่าการทำงานของไต

  • ตรวจปัสสาวะ :  ตรวจหาปริมาณโลหะหนักในร่างกาย เช่น สารหนู ปรอท ตะกั่ว แคดเมี่ยม หรือนิคเกิล
  • ตรวจสารโลหะหนักในเนื้อเยื่อ : หากพบว่าปัสสาวะให้ผลไม่เกินค่าปกติ แนะนำให้ทำ ทดสอบทำคีเลชั่นว่ามีปริมาณสารโลหะหนักในเนื้อเยื่ออีกหรือไม่ ซึ่งผลการทดสอบจะให้ค่าออกมาในสองลักษณะ
  • โดยทั่วไป ผู้ที่ไม่มีสารโลหะหนักในร่างกายนั้นไม่จำเป็นต้องทำ Chelation Therapy แต่กรณีที่มีความเสี่ยงต่อการได้รับสารโลหะหนักเข้าสู่ร่างกาย ควรไปให้แพทย์ตรวจเลือดเพื่อยืนยัน หากพบว่ามีการสะสมของโลหะหนักในร่างกายจริงก็อาจจะพิจารณาให้บำบัดตามขั้นตอนต่อไป โดยตัวอย่างของบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง มีดังนี้

เตรียมตัวก่อนทำ Chelation Therapy

  • ผู้ที่อาศัยหรือทำงานอยู่ในบริเวณที่ได้รับสารโลหะหนัก เช่น สนามยิงปืน โรงงานแบตเตอรี่ โรงเชื่อมโลหะ อู่ซ่อมรถ โรงงานผลิตสี เป็นต้น
  • ผู้ที่รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนสารพิษ ใช้ยาสมุนไพรที่มีส่วนผสมของโลหะหนัก รวมถึงการสัมผัสดินหรือสูดดมสีทาบ้านที่มีการปนเปื้อนของโลหะหนัก
  • ผู้ที่สูดดมผงฝุ่นหรือควันที่มีส่วนผสมของโลหะหนักบางชนิดเป็นประจำ
  • ผู้ที่มีประวัติโดนยิงและมีกระสุนฝังอยู่ภายในร่างกาย

ผลข้างเคียงของการทำ Chelation Therapy

ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยในการบำบัดด้วยคีเลชั่น คือ อาการแสบร้อนบริเวณผิวหนังที่ถูกฉีดยา และอาจมีไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย ในผู้เข้ารับการบำบัดบางรายอาจขาดวิตามินและแร่ธาตุบางชนิดที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างแคลเซียม ทองแดง สังกะสี หรือมีระดับแคลเซียมในเลือดหรือไตต่ำกว่าปกติ นอกจากนี้ ยังอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันโลหิตต่ำ โรคโลหิตจาง หัวใจเต้นผิดจังหวะ ชัก สมองถูกทำลาย และภาวะช็อกจากปฏิกิริยาภูมิแพ้อย่างเฉียบพลันอีกด้วย

 


ความงามที่เกี่ยวข้อง