เสริมจมูกเทคนิครองปลาย

เสริมจมูกเทคนิครองปลาย

การเสริมจมูกด้วยการใช้กระดูกอ่อนหลังหูและเนื้อเยื่อเทียม เป็นหนึ่งทางเลือก เพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากกว่าการเสริมโดยใช้ซิลิโคนอย่างเดียว เป็นเทคนิคที่นำเนื้อเยื่อของตนเองมาใช้ร่วมกับซิลิโคนในการเสริม ข้อดีของการผ่าตัดโดยใช้เนื้อเยื่อของตนเองนั้นคือ ทำให้มีความรู้สึกเป็นธรรมชาติและมีความยืดหยุ่น

การเสริมจมูกด้วยการใช้กระดูกอ่อนหลังหู

เป็นหนึ่งทางเลือก เพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากกว่าการเสริมโดยใช้ซิลิโคนอย่างเดียว เป็นเทคนิคที่นำเนื้อเยื่อของตนเองมาใช้ร่วมกับซิลิโคนในการเสริม ข้อดีของการผ่าตัดโดยใช้เนื้อเยื่อของตนเองนั้นคือ ทำให้มีความรู้สึกเป็นธรรมชาติและมีความยืดหยุ่น ตลอดจนลดโอกาสการทะลุของปลายจมูก การเสริมจมูกด้วยการใช้กระดูกอ่อนหลังหูเหมาะสำหรับ คนที่มีผิวปลายจมูกที่บาง หรือต้องการความเป็นธรรมชาติของปลายจมูก โดยจะช่วยลดความเสี่ยงของซิลิโคนทะลุได้ ในกรณีที่คนไข้ที่มีหนังปลายจมูกที่บาง การใช้ซิลิโคนอย่างเดียวเพื่อเพิ่มความโด่งของปลายจมูก จะเสี่ยงต่อการทะลุได้ จึงต้องใช้กระดูกอ่อนหลังใบหูมาช่วยเสริมรองตำแหน่งปลายจมูกเอาไว้ หลังจากผ่าตัดแบบเสริมซิลิโคนและกระดูกหลังหูยังช่วยให้ได้ทรงจมูกที่สวยงามขึ้และเป็นธรรมชาติอีกด้วย


เสริมจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียม 

การเริมจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียม เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่ ปลายจมูกบาง เนื้อน้อย และต้องการต่อปลายจมูกให้ยาวขึ้น โดยไม่อยากเจ็บตัวหลายที่ เนื้อเยื่อเทียม คือวัสดุที่สังเคราะห์ขึ้นจากคอลลาเจน มีลักษณะเป็นแผ่นนิ่มๆ คล้ายฟองน้ำ สามารถนำมาใช้เสริมสันหรือรองปลายเพื่อลดความเสี่ยงในการทะลุ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้จมูกจากปัญหาผิวหนังบาง ใกล้ทะลุ หรือคนที่เสริมใหม่เเละต้องการให้มีปลายที่ยาวขึ้น และมีผิวหนังเดิมที่ค่อนข้างน้อยบาง ข้อดีของการเสริมจมูกด้วยเนื้อเทียม นอกจากจะสามารถลดความเสี่ยงในการทะลุ และเพิ่มความหนาขอคนที่มีผิวบางได้แล้ว ทั้งยังสามารถใช้ทดแทนในส่วนของกระดูกอ่อนหลังหูได้สำหรับคนที่ไม่อยากเจ็บตัวหลายที่


ข้อปฏิบัติตัวก่อนผ่าตัด

  1. งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อช่วยลดโอกาสที่แผลจะหายช้า อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  2. ควรงดการกินยากลุ่มแอสไพริน หรือไอบิวโพรเฟน เพื่อลดอาการฟกช้ำจากเลือดคั่งหลังผ่าตัด อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  3. ควรงดทานอาหารประเภทของหมักดอง และอาหารทะเล อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  4. งดการทานอาหารเสริม น้ำมันตับปลา หรือวิตามินอื่นๆ เพื่อป้องกันอาการเลือดหยุดไหลช้า อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  5. แจ้งให้แพทย์ทราบข้อมูลโรคประจำตัว ยาโรคประจำตัวที่ทานอยู่, ประวัติการผ่าตัด, ประวัติการแพ้ยา, ประวัติการแพ้อาหาร (หากมีประวัติการรักษาจากโรงพยาบาล ควรนำมาในวันปรึกษาด้วย) ทุกครั้ง
  6. ผู้ที่เป็นหวัด ภูมิแพ้ ไอ จาม แนะนำให้ทานยาบรรเทาอาการก่อนล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วัน
  7. ผู้ที่คาดว่าจะมีประจำเดือน แนะนำให้รับประทานยาเลื่อนประจำเดือนล่วงหน้า เพื่อลดอาการบวมและฟกช้ำจากเลือดคั่งหลังผ่าตัด อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  8. งดรับประทานน้ำและอาหารก่อนการผ่าตัด 2 ชั่วโมง
  9. ควรสระผมให้สะอาดเรียบร้อยก่อนวันผ่าตัด และไม่แต่งหน้าในวันผ่าตัด งดใส่คอนแทคเลนส์ในวันผ่าตัด หากมีปัญหาด้านสายตาให้สวมแว่นสายตาแทน
  10. งดใส่เครื่องประดับทุกชนิด เช่น ต่างหู สร้อย แหวน จิล ต่าง ๆ บนร่างกายในวันผ่าตัด

ศัลยกรรมที่เกี่ยวข้อง