Meso No Needle

ทรีตเมนต์

Meso No Needle

ขั้นกว่าของการบำรุง เติมวิตามินให้ผิวสวย ด้วยเทคโนโลยีที่เหนือกว่า ผลักวิตามินเข้าสู่ผิวอย่างล้ำลึกระดับนาโน โดยไม่ต้องพึ่งเข็ม ด้วย Meso NO Needle หรือ เมโสไม่ใช้เข็มที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของวิตามิน ให้เกิดการแตกตัวเป็นอนุภาคระดับนาโน ช่วยให้วิตามินซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก ฟื้นฟูได้ลึกถึงระดับเซลล์ผิว มีผลเทียบเท่าได้กับการฉีดเมโสหน้าใสแบบธรรมดา ไม่ต้องใช้เข็มสะกิดใบหน้าให้เจ็บและทิ้งรอย ก็สามารถผลักวิตามินลงสู่ผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 


บอกลาปัญหาหน้าหมองคล้ำ ด้วย Meso NO Needle หรือ เมโสไม่ใช้เข็ม

แต่งหน้าไม่ติด ประโคมหนักไปก็เป็นคราบ ตกร่อง เครื่องสำอางไม่แมตช์กับผิว บางวันตื่นมาก็หน้ามัน บางครั้งก็ผิวเป็นขุย ปัญหาผิวที่เจอในแต่ละวัน ทำเอาปวดหัว จะแต่งหน้ายิ่งเห็นปัญหาชัด อยากจะโชว์หน้าสด ผิวก็หมอง ไม่สดใส หากกำลังเผชิญกับปัญหาผิวแบบนี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงการดูแลผิวไม่เพียงพอบางครั้งแค่การทาครีมบำรุงผิวอาจไม่เพียงพอ ต้องหาตัวช่วยเสริม

ทรีทเม้นท์ที่ช่วยผลักวิตามิน หรือตัวยาให้ซึมเข้าไปบำรุงเซลล์ผิวโดยไม่ต้องใช้เข็ม หรือเรียกว่าโปรแกรม Mesoscience อาศัยหลักการสำคัญที่เรียกว่า “อิเล็กโตรโพเรชั่น (Electroporation)” หรือ “ Non-Needle Mesotherapy” โดยใช้คลื่นไฟฟ้าที่เหมาะสมในระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อเปิดเซลล์ชั่วขณะ ทำให้สารต่าง ๆ จากภายนอกเข้าสู่ภายในเซลล์ได้ง่าย และรวดเร็ว โดยเทคนิคเมโสเธอราปีแบบไม่ต้องใช้เข็มสามารถผลักยา และสารอาหารเข้าสู่เซลล์ผิวได้มากกว่าการทำทรีทเม้นท์ธรรมดา ๆ ทั่วไปประมาณ 10 เท่าเลยค่ะ


หน้าโทรม ผิวหมองคล้ำ เกิดจากอะไร

หนึ่งในปัญหาผิวที่สร้างความกังวลใจไม่น้อยไปกว่าเรื่องอื่น ๆ ซึ่งความหมองคล้ำเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากการเผชิญมลภาวะ และแสงแดด ประกอบกับไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันที่ขาดการดูแล และการปกป้องผิว แน่นอนว่าหากพบปัญหาใบหน้าหมองคล้ำแค่การบำรุงเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ วันนี้จะขอพาไปทำความรู้จักกับต้นตอของปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลยค่ะ

  • แสงแดด
    หากผิวเผชิญกับแสงแดดที่มากเกินไป โดยไม่ได้ป้องกันด้วยการทาครีมกันแดด จะทำให้เกิดอันตรายต่อผิว อาทิ ผิวไหม้แดด ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ  และร้ายแรงไปถึงขั้นมะเร็งผิวหนัง เนื่องจากรังสียูวีจากแดดจะทำลายเส้นใยในผิวหนัง หรือ อีลาสติน (Elastin) ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ หย่อนคล้อย และมีริ้วรอยง่ายขึ้น
  • สภาพอากาศ
    สภาพอากาศที่แปรปรวนไม่ว่าจะร้อน หรือหนาวเย็นเกินไปเป็นอีกหนึ่งตัวการทำที่ให้ผิวหมองคล้ำ โดยเฉพาะในห้องแอร์ที่มีอากาศเย็นจะทำให้ผิวหนังแห้งตึง หากผิวแห้งมาก ๆ นอกจากจะส่งผลให้ผิวหมองคล้ำขึ้นแล้ว ยังนำมาซึ่งปัญหาผิวต่าง ๆ ทั้งผิวแตก ลอก อักเสบ เป็นต้น
  • ความเครียด
    อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ระบบการทำงานในร่างกายผิดปกติ ผิวหน้าหมองคล้ำ และนำไปซึ่งปัญหาสิว เพราะหากร่างกายเผชิญกับความเครียดจะหลั่งฮอร์โมนที่เรียกว่า ‘คอร์ติซอล’ (Cortisol) ซึ่งทำให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากเกินปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิว
  • พักผ่อนไม่เพียงพอ
    เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ และนำไปซึ่งปัญหาผิวอื่น ๆ ทั้งสิว ผิวหน้าโทรม ขาดความชุ่มชื่น เนื่องจากร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่ จึงทำให้ผิวเสื่อมสภาพได้ง่าย
  • ไม่สครับหน้า
    การสครับผิวหน้าเป็นวิธีผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไป ช่วยให้รูขุมขนสะอาด ลดการอุดตัน ผิวหน้าจึงดูใส เปล่งปลั่ง ซึ่งหากขาดการสครับผิวหน้า ก็ทำให้ผิวดูหมองคล้ำ ไม่สดใส และทำให้ประสิทธิภาพการดูดซึมสกินแคร์ต่ำลง
  • ดื่มน้ำ หรือรับประทานผักผลไม้น้อย
    ผักผลไม้อุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุ เป็นสารอาหารที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระได้ดี จึงช่วยสร้างคอลลาเจนที่ทำให้ผิวหนังสดใสเปล่งปลั่ง หากร่างกายขาดสารอาหารเหล่านั้น รวมถึงการดื่มน้ำที่ไม่เพียงพอก็จะทำให้ร่างกายทำงานได้ไม่เต็ม 100% ส่งผลให้ผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส และหากดื่มน้ำน้อยเกินไปจะส่งผลให้เกิดอาการปวดศีรษะ และไม่มีสมาธิ
  • อายุเพิ่มขึ้น ผิวเสื่อมสภาพ
    อีกหนึ่งสาเหตุของปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำเกิดจากอายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะในวัย 30+ ส่งผลให้เกิดปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวหนังหยาบกร้าน และหมองคล้ำลงได้

สัญญาณที่บอกว่าผิวหมองคล้ำสุขภาพไม่ดีเป็นอย่างไร

เหตุผลที่ทำให้ผิวหมองคล้ำลุกลามนอกจากหลายคนลืมสังเกตสุขภาพผิวหน้าของตัวเองแล้ว ยังเป็นเพราะเข้าใจว่าที่ผิวหน้าหมองคล้ำดูโทรมกว่าปกติ เกิดจากความเครียดชั่วขณะ หรือพักผ่อนน้อย กว่าจะรู้ตัวก็ถูกปัญหาผิวหมองคล้ำ สิว หรือริ้วรอยเล่นงานจนยากที่จะรักษา หากไม่หาวิธีแก้หน้าหมองค ล้ํา หรือเคล็ดลับหน้าใสไร้สิวในภายหลัง ควรหมั่นสังเกตผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอาการที่เด่นชัดของปัญหาผิวหมองคล่ำที่สังเกตได้ไม่ยากคือ

  • ใบหน้ามีสีผิวไม่สม่ำเสมอ 
  • ผิวแห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื่น
  • ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียน

วิธีใดบ้างที่ช่วยฟื้นฟู ผิวหน้าให้กลับมาขาวใสอีกครั้ง

  • ให้อาหารผิว บำรุงหน้าด้วยครีม และเซรั่ม
    การทาครีม หรือเซรั่มบำรุงผิวรับว่าเป็นวิธี แก้ หน้า หมอง ค ล้ําที่ง่ายที่สุดในการดูแลผิวจากภายนอก ซึ่งถึงปกติแล้วคนส่วนใหญ่จะทาครีม หรือเซรั่มบำรุงผิวกันเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ปัญหาผิวหมองคล้ำควรให้ความสำคัญ ทั้งการทำความสะอาดผิวหน้า และการเลือกครีมบำรุงผิว โดยแนะนำว่าต้องทำความสะอาดกำจัดสิ่งสกปรกบนใบหน้าทุกวัน และสครับเซลล์ผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อสครับประมาณ 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์  ส่วนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าควรเลือกใช้ครีม เซรั่ม หรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว อย่างเซราไมด์(Ceramide) กลีเซอรีน (Glycerin) ซอร์บิทอล (Sorbitol) กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid) เลซิติน (Lecithin) สควาเลน (Squalane) เซราไมด์ (Ceramides) หรือ เชียบัตเตอร์ (Shea Butter) จะทำให้ผิวมีความชุ่มชื่นมากขึ้น
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
    คนที่ปัญหาผิวหมองคล้ำ ผิวโทรม ควรรีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน จากที่เคยนอนดึก หรือนอนน้อยควรปรับมานอนในเวลา 20.00 – 22.00 น.  และนอนอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมงต่อวัน เนื่องด้วยเวลานอนหลับเป็นเวลาที่ร่างกายได้รับการพักเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหลอ และปรับการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น ระบบฮอร์โมนเกิดความสมดุล พร้อมอารมณ์ที่ดีขึ้น  เรียกว่าเป็นวิธีแก้หน้าหมองคล้ําที่ดีทั้งต่อร่างกาย และจิตใจ
  • ดื่มน้ำบ่อยเยอะ ๆ 
    อีกหนึ่งเคล็ดลับหน้าใสไร้สิว และวิธีทําให้ผิวแข็งแรงไม่แพ้ง่ายที่ทุกคนควรให้ความสำคัญไม่แพ้การฟื้นฟูผิวจากแดดด้วยครีม หรือเซรั่มบำรุงผิวเนื่องด้วยมีการศึกษาวิจัยพบว่าการดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร ติดต่อกัน 30 วัน ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรง และชุ่มชื้น จึงมีคำแนะนำว่าควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร เพื่อเพ่ิมความชุ่มชื่นให้ผิว และกระตุ้นการทำงานของระบบการไหลเวียนเลือด แต่ทั้งนี้ไม่ควรดื่มน้ำมากเกินไป เพราะจะส่งผลเสียกับการทำงานของไต
  • สุขภาพจิตที่ดี
    ต้องยอมรับว่าการกำจัดความเครียดเป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยากสำหรับหลายคน เพราะปัจจุบันแค่ลืมตาตื่นความเครียดก็พร้อมเข้ามาปะทะได้ทุกวินาที ทั้งจากข่าวสาร การทำงาน และการดำเนินชีวิตประจำวัย แต่หากคนที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำอยากเลิกเครียด แนะนำให้เริ่มด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต อย่างการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พยายามปรับตารางชีวิตให้ลงตัว และหมั่นฝึกจิตทำสมาธิเพื่อให้มีสติพร้อมรับมือกับความเครียด ซึ่งถ้าทำควบคู่ไปกับการฟื้นฟูผิวจากแดด และเคล็ดลับหน้าใสไร้สิวก็จะช่วยให้ผิวสุขภาพดีขึ้น
  • งดการดื่มเหล้าสูบบุหรี่
    อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าเหล้า และบุหรี่มีผลเสียต่อระบบในร่างกายมากมายไม่เว้นแม้แต่เรื่องผิวพรรณ โดยสารนิโคตินในบุหรี่ และแอลกอฮอล์ในเหล้าส่งผลเสียต่อระบบร่างกาย ทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว และแสดงออกด้วยความหมองคล้ำ ผิวโทรม และเหี่ยวก่อนวัย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนไม่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่มีผิวที่ดีกว่าผู้ที่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่เป็นประจำ
  • เลเซอร์หน้าใส
    การใช้คลื่นแสงที่มีความเข้มสูงไปจับกับเม็ดสีเมลานิน (melanin) เพื่อรักษาปัญหาผิว และฟื้นฟูผิวบริเวณที่ต้องการ โดยส่วนใหญ่ เลเซอร์หน้าใส จะเน้นใช้รักษาปัญหารอยแดง รอยดำ หรือจุดด่างดำที่เกิดจากสิวเป็นหลัก รวมถึงใช้ในการรักษาผิวเหี่ยวย่น มีริ้วรอย รูขุมขนกว้าง ลดความหมองคล้ำหรือปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ ทำให้ผิวดูขาวใสขึ้นได้ ซึ่งในแต่ละปัญหาผิวก็จะมีการใช้ความยาวคลื่นที่ต่างกันไปโดยจะอยู่ที่ประมาณ 420-1200 nm (นาโนเมตร) นั่นเองค่ะ

  • ทำหัตถการMeso NO Needle หรือ เมโสไร้เข็ม
    การผลักวิตามินเข้มข้นเข้าสู่ผิวชั้นในโดยใช้คลื่นไฟฟ้า ซึ่งให้ผลลัพธ์คล้ายกับการฉีดเมโสหน้าใสในระดับ 60-70% เลย นับว่าเป็นการทำทรีทเม้นท์รักษาผิวที่ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับการฉีดเมโสหน้าใส แต่ไม่ใช้เข็ม ไม่ต้องเจ็บตัว และไม่ทำให้เกิดรอยฟกช้ำจากเข็ม เหมาะกับผิวทุกประเภท

  • ทำหัตถการฉีดฟิลเลอร์
    การฉีดฟิลเลอร์เป็นการทำหัตถการแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำด้วยการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปยังชั้นใต้ผิวหนัง ซึ่งสารตัวนี้มีคุณสมบัติเก็บความชื้น ทำให้ผิวชุ่มชื้น ยืดหยุ่น ลดริ้วรอย อิ่มน้ำ และดูสุขภาพดี สำหรับข้อดีของการฉีดฟิวเลอร์คือ เห็นผลชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ และอยู่ได้นานสุงสุด 12 เดือน

ที่ The VOGUE Clinic เรามีบริการ Meso NO Needle หรือ เมโสไร้เข็ม ที่กำลังได้รับความนิยมของเหล่าสาว ๆ ที่ต้องการเผยผิวหน้าที่ใส แลดูขาวเนียนชวนสัมผัส ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง พร้อมดูแลให้คำปรึกษาตลอดจนกระบวนการรักษาเลยค่ะ


Meso NO Needle หรือ เมโสไม่ใช้เข็ม คืออะไร

Meso NO Needle หรือ เมโสไร้เข็ม คือการผลักวิตามินเข้มข้นเข้าสู่ผิวชั้นในโดยใช้คลื่นไฟฟ้า ซึ่งให้ผลลัพธ์คล้ายกับการฉีดเมโสหน้าใสในระดับ 60-70% เลยค่ะ นับว่าเป็นการทำทรีทเม้นท์รักษาผิวที่ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับการฉีดเมโสหน้าใส แต่ไม่ใช้เข็ม ไม่ต้องเจ็บตัว และไม่ทำให้เกิดรอยฟกช้ำจากเข็ม เหมาะกับผิวทุกประเภท ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากทำอย่างต่อเนื่องคือ หน้าใส หน้าเต่งตึงขึ้น และสามารถแก้ปัญหาจุดด่างดำ รอยสิว ริ้วรอยตื้น ๆ ผิวขาดน้ำ ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ และปัญหาอื่น ๆ ได้ ขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่เลือกนั่นเองค่ะ


Meso NO Needle หรือ เมโสไม่ใช้เข็มเหมาะกับใคร

  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวกระจ่างใส 
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวจุดด่างดำ รอยสิว ริ้วรอยตื้น ๆ บนใบหน้า
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวขาดน้ำ ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ
  • ผู้ที่อยากมีผิวที่แข็งแรง แต่กลัวเข็ม

ระยะห่างในการทำ Meso NO Needle หรือ เมโสไม่ใช้เข็ม

จริง ๆ แล้วหัตถการนี้ สามารถเห็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ เพราะหลังทำจะสัมผัสได้ถึงความใส และอ่อนนุ่มของผิวหน้า แต่เพื่อคงาสภาพผิวสุขภาพดี แนะนำให้ทำต่อเนื่องทุก 1 สัปดาห์ จะช่วยคงสภาพผลลัพธ์ที่ยาวนานได้ค่ะ


กระบวนการทำTreatment Meso NO Needle หรือ เมโสไม่ใช้เข็มมีอะไรบ้าง

Non-Needle mesotherapy เป็นนวัตกรรมล่าสุดในการส่งผ่านยา หรือสารอาหารเข้าสู่ผิว โดยไม่ต้องพึ่งเข็ม ไม่เจ็บ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ สามารถนำสารอาหารต่าง ๆ เข้าสู่ผิวชั้นลึกได้ดีกว่าการใช้ไอออนโต โฟโน ทั่ว ๆ ไป โดยตัวเครื่องมีฟังค์ชั่นทั้งหมด 4 ฟังค์ชั่น

  • Active current เป็นการใช้กระแสไฟฟ้ากระตุ้นระบบไหลเวียน และเป็นการผลัดเซลล์ผิว เสมือนการเตรียมผิวเพื่อเตรียมพร้อมรับสารอาหารต่าง ๆ
  • Hydroelectrophoresis เป็นการผลักสารอาหารจากผิวชั้นนอกเข้าสู่ผิวชั้นใน สารอาหารจะอยู่บริเวณช่องว่างระหว่างเซลล์ (intercellular) ยังไม่ได้ถูกดูดซึมเข้าสู่เซลล์ (intracellular) จึงต้องอาศัยกระบวนการขั้นต่อไป
  • Electroporation เป็นหัวใจสำคัญของการผลักยา หรือสารอาหาร เป็นการใช้กระแสไฟฟ้า short pulse high volt กระตุ้นให้เซลล์ผิวมีการเปิดออกชั่วขณะ สารอาหารต่าง ๆ จึงสามารถดูดซึมเข้าสู่เซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Cryophoresis เป็นการใช้ความเย็นปิดล็อคให้สารอาหารให้อยู่ภายในเซลล์ พร้อมทั้งทำให้ผิวตึงกระชับอีกด้วย

Treatment Meso NO Needle หรือ เมโสไม่ใช้เข็มดีอย่างไร

โดยการใช้อุปกรณ์ที่สามารถปล่อยคลื่นไฟฟ้าในระดับที่เหมาะสม ถูวน ๆ บริเวณผิวหน้า เพื่อช่วยผลักวิตามิน และสารอาหารสำคัญให้ซึบซาบเข้าสู่เซลล์ผิวหนัง ซึ่งวิธีการนี้มีประสิทธิภาพมากกว่าการทำทรีตเมนต์แบบทั่วไปถึง 10 เท่า 

  • ช่วยให้หน้ากระจ่างใสขึ้น 
  • ปรับสภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น
  • ช่วยลดปัญหาสิวต่าง ๆ ช่วยกำจัดสิวเสี้ยน
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน บำรุงผิวหน้ากระจ่างใส
  • ช่วยปลอบประโลมผิวหลังทำเลเซอร์ ช่วยลดอาการไหม้ของผิวได้ด้วย
  • ช่วยลดริ้วรอยตื้น ๆ และชะลอผิวเสื่อมสภาพตามวัย
  • เติมความชุ่มชื้นให้ผิวเนียนนุ่ม ฉ่ำวาว
  • สามารถทำควบคู่กับทรีตเมนต์บำรุงผิวอื่น ๆ ได้ 
  • ไม่ใช้เข็ม จึงไม่ทำให้เกิดรอยฟกช้ำ ขณะทำไม่เจ็บ รู้สึกผ่อนคลาย และใช้เวลาทำเพียง 20-30 นาที 

ตัดสินใจเลือกทำ Meso NO Needle หรือ เมโสไม่ใช้เข็ม ที่ไหนดี ? ที่ The vogue ดีอย่างไร? ควรพิจารณาจากอะไรบ้าง 

ากคุณเป็นอีกคนที่มีปัญหาผิวอ่อนแอ ไม่แข็งแรง ขาดความชุ่มชื้น กำลังมองหาที่สถาบันความงามสักที่ แต่ก็กังวลว่าจะไม่ปลอดภัย วันนี้เรามีเคล็ดลับการพิจารณาสถาบันความงามมาฝากกันค่ะ ก่อนอื่นเลยเราต้องศึกษาข้อมูลคลินิกความงามให้ดีเสียก่อน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการเลือกตัวยาที่ผ่าน อย. ด้วยนะคะ แล้วเราสามารถพิจารณาคลินิกความงามจากอะไรได้บ้าง วันนี้ในหัวข้อนี้มีคำตอบค่ะ 

  • ความชำนาญของแพทย์
    อย่างแรกที่ต้องพิจารณาเลยคือ แพทย์ผู้ทำหัตถการค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผลงานของแพทย์ ซึ่งสามารถดูได้จากรีวิวของผู้เข้ารับบริการจริง, ประสบการณ์ของแพทย์, ใบประกอบวิชาชีพ และการให้คำปรึกษาของแพทย์ ซึ่งข้อดีของการปรึกษาแพทย์โดยตรง ทำให้เรารู้ขั้นตอนการรักษา รวมถึงความน่าเชื่อถือของแพทย์ด้วย เนื่องจากแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจะสามารถอธิบาย ให้คำแนะนำได้อย่างละเอียด และถูกต้องนั่นเองค่ะ
  • ความน่าเชื่อถือของคลินิกความงาม
    ต้องเป็นคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ได้รับมาตรฐาน มีความพร้อมของทีมแพทย์ รวมถึงเครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ทำหัตถการต้องมีความสะอาด และปลอดเชื้อด้วยนะคะ
  • เครื่องมือสำหรับทำหัตถการ
    เพื่อให้ผลลัพธ์หลังการทำหัตถการมีความปลอดภัย และไม่เป็นอันตราย จำเป็นต้องมีการศึกษาข้อมูลเบื้องต้น เกี่ยวกับมาตารฐาของคลินิกความงามให้ดี รวมไปถึงเครื่องมือที่ทันสมัย สะอาด ปลอดเชื้อด้วยนะคะ
  • รีวิวจากลูกค้าจริง ราคา และโปรโมชั่นต่าง ๆ
    การเลือกทำหัคถการ กับคลีนิคความงามทั่วไปพราะราคาถูกนั้น อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ หรือแย่กว่าที่คาดหวังไว้ เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมามากมาย ดังนั้นก่อนเราจะตัดสินใจว่าทำหัตถการที่ไหนดี ควรขอดูรีวิวจากลูกค้าจริง รวมถึงสอบถามข้อมูล ราคา โปรโมชั่นต่าง ๆ ให้ชัดเจนเสียก่อน เพื่อลดโอกาสการเกิดความเสี่ยงที่อาจตามมาในอนาคตอีกด้วยค่ะ
  • พิจารณาการเลือกคอร์ส Meso NO Needle หรือ เมโสไม่ใช้เข็ม
    การตัดสินใจซื้อคอร์สนั้นเราต้องคำนึงถึงผลลัพธ์มากที่สุดอยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกันต้องดูว่าคอร์สที่เราเลือกรักษาคุ้มค่าหรือไม่ ดังนั้นจึงแนะนำเลือกซื้อเป็นคอร์สเพราะคลินิกที่มีคอร์ส Meso NO Needle หรือ เมโสไม่ใช้เข็ม มักจะมีโปรโมชั่นส่วนลดในราคาซื้อเป็นคอร์สจึงคุ้มค่ากว่าการซื้อเป็นครั้ง ๆ นั่นเองค่ะ

หากลังเลว่าเลือกทำหัตถการ คลินิกไหนดี ขอแนะนำที่ The VOGUE Clinic ของเรานำทีมโดยแพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ และมากประสบการณ์ พร้อมด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย สะอาด ปลอดเชื้อ ใช้ตัวยาแท้ได้รับการรับรองจาก อย. ประเทศไทย แถมยังอัดแน่นไปด้วยรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงมากมาย คนไข้สามารถมั่นใจได้เลยว่าจะได้รับความสวยควบคู่ไปกับความปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ


ความงามที่เกี่ยวข้อง