Refreshing Cry-O

ทรีตเมนต์

Refreshing Cry-O

Refreshing Cry-O ที่สุดของการปรนนิบัติผิวด้วยความเย็น ช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาสุขภาพดี พร้อมรับกับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป หัตถการนี้ให้สัมผัสที่เย็นสบาย ผ่อนคลายผิว ช่วยกระชับรูขุมขน พร้อมเผยผิวสวย กระจ่างใส


ปรนนิบัติผิวให้สวยใส สุขภาพดีด้วย Refreshing Cry-O

ปัญหาอ่อนแอ ไม่แข็งแรง ขาดความชุ่มชื้น สามารถแก้ไขได้ด้วย การทำ Refreshing Cry-O ที่มาพร้อมประสิทธิภาพแห่งการฟื้นฟูบำรุงลึกถึงระดับเซลล์ผิวที่ความเย็นอุณหภูมิลบ 5-10 องศา นับว่าเป็นอุณหภูมิที่สามารถดูแลรักษาผิวพรรณ ทำให้ผิวพรรณแลดูเปล่งปลั่ง และกระชับสดใส


อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ

ผิวหน้าหมองคล้ำเป็นปัญหากวนใจสำหรับใครหลาย ๆ คน ผิวหมองคล้ำสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต สภาพแวดล้อมรอบตัวต่าง ๆ สภาพอากาศ รวมไปถึงความเครียด เป็นต้น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดหน้าหมองคล้ำ และสีผิวไม่สม่ำเสมอ ซึ่งสาเหตุหน้าหมองคล้ำสามารถเกิดได้ทั้งปัจจัยภายนอก และภายใน ได้แก่

ปัจจัยภายนอก

  • มลภาวะในชีวิตประจำวัน
    การที่ต้องเผชิญกับสภาวะมลพิษทางอากาศ ทั้งฝุ่นควัน PM 2.5 มลพิษจากควันรถ โรงงาน เป็นต้น มลภาวะเหล่านี้ทำให้เกราะความชุ่มชื้นของผิวหน้าเราลดลง สารอนุภาคละอองฝุ่นที่มีขนาดเล็กสามารถผ่านเข้าสู่ผิวหนังเราได้ ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ผิว ซึ่งนำไปสู่การเกิดผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำบนใบหน้า ผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่าย ผิวมัน และเกิดริ้วรอยได้
  • สภาพอากาศ
    ปัจจัยสภาพอากาศเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดผิวหน้าหมองคล้ำได้ เช่น ความชื้นต่ำ ลมแรง อากาศที่หนาวเย็น และแสงแดดยูวี
    แสงแดด รังสียูวีเอ (UVA) และรังสียูวีบี (UVB)
    มาพร้อมกับแสงแดดสามารถทำร้ายผิวได้ โดยรังสียูวีเอส่งผลให้เกิดผิวหมองคล้ำ ผิวไหม้แดด ผิวคล้ำแดด ฝ้า กระ และจุดด่างดำ เพราะแสงจะกระตุ้นการสร้างเมลานิน แต่ไม่ทำให้เกิดการอักเสบ รังสียูวีบีส่งผลให้เกิดผิวที่แก่ก่อนวัย ผิวเกรียมแดด ผิวหนังอักเสบ อีกทั้งยังก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังอีกด้วย
  • อากาศหนาวเย็น
    หากอยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน จะทำให้ผิวหนังของเราขาดความชุ่มชื้น ส่งผลให้ผิวแห้ง และแตกเป็นขุย และเกิดผิวหน้าที่หมองคล้ำตามมา
  • ไม่ผลัดเซลล์ผิว
    ขั้นตอนการผลัดเซลล์ผิวเป็นหนึ่งในขั้นตอนการดูแลผิวพรรณที่ใครหลาย ๆ คนมักหลงลืมกัน โดยปกติแล้วเซลล์ผิวหนังที่ตายมักจะหลุดลอกออกไปทุก 28 วัน หากร่างกายมีกระบวนการผลัดเซลล์ผิวที่ช้าอาจส่งผลให้เกิดการสะสมของเซลล์ผิวหนังที่ตาย รวมไปถึงการสะสมของขี้ไคล เหงื่อ มลภาวะที่ตกค้างอยู่บนใบหน้า ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ หยาบกร้าน ดูดซึมผลิตภัณฑ์ดูแลผิวไม่เต็มที่ดังนั้นเราจึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลัดเซลล์ผิวเพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าดำคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอได้
  • การสูบบุหรี่
    การสูบบุหรี่ไม่เพียงแต่ทำลายสุขภาพภายในแล้ว ยังส่งผลร้ายต่อผิวพรรณของเราอีกด้วย เนื่องจากสารคาร์บอนมอนอกไซด์ และทาร์ ในควันบุหรี่ทำให้ประสิทธิภาพการไหลเวียนของเลือดลดลง เป็นเหตุให้อนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้น
    หากได้รับสารพิษนี้ติดต่อกันไปนาน ๆ ก็จะทำให้การสร้างเม็ดเลือดแย่ลง ไม่สามารถผลักวิตามินไปสู่ผิวได้ การผลัดเซลล์ผิวก็อาจเกิดความผิดปกติ ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ หย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย หน้าโทรม และผิวหยาบกระด้าง รวมไปถึงการสูบบุหรี่ยังทำให้การสร้างคอลลาเจนในผิวถูกทำลายอีกด้วย
  • การดื่มน้ำไม่เพียงพอ
    การดื่มน้ำที่ไม่เพียงพอต่อร่างกายสามารถส่งผลให้ประสิทธิภาพการไหลเวียนของเลือดลดลง ส่งผลให้ผิวพรรณดูซีด หมอง ไม่สดใส ผิวที่ขาดน้ำอาจทำให้ผิวมีแนวโน้มเกิดความหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น และขรุขระ อาการเหล่านี้เป็นสาเหตุก่อให้เกิดผิวหน้าหมองคล้ำ
  • การบำรุงผิวพรรณ
    ผิวหน้าหมองคล้ำสามารถเกิดได้จากการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณที่มากเกินไป และน้อยเกินไป หากเราขาดการบำรุงผิว ผิวหน้าของเราก็จะแห้งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส รวมไปถึงผิวแห้งแตกลาย ไม่เรียบเนียน แต่ในทางกลับกันหากมีการบำรุงผิวที่มากเกินไป เช่นการใช้ครีมบำรุง คลีนเซอร์ โทนเนอร์ เซรั่ม หลายตัวพร้อมกันในคราวก็อาจส่งผลให้ผิวหน้าหมองคล้ำได้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากส่วนผสมบางชนิดอาจไม่ถูกกัน ส่งผลให้ประสิทธิภาพครีมตัวอื่นลดลง ทำให้เกิดหน้าหมองคล้ำได้ เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล (Retinol) กับ AHA/BHA เนื่องจากสารทั้งสองตัวนี้มีฤทธิ์เป็นกรด หากใช้ร่วมกันสามารถทำให้ผิวของเราบางลง และไวต่อแสงแดด ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ หรือเกิดการอักเสบของผิวหน้าได้ เป็นต้น

ปัจจัยภายใน

  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น
    เมื่อก้าวเข้าสู่วัยรุ่น อายุที่เพิ่มมากขึ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกายจะลดลงเรื่อย ๆ เมื่อขาดคอลลาเจน ผิวพรรณที่เคยเต่งตึง และอวบอิ่มจะเริ่มมีริ้วรอยมากขึ้น หย่อยคล้อย ความยืดหยุ่น และความชุ่มชื้นของผิวจะเริ่มลดลง ผิวหน้ามีฝ้า และกระเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงมีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำลงด้วย
  • พักผ่อนไม่เพียงพอ
    การพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวของเราไม่สดใส ผิวดูหมองคล้ำ หากนอนหลับไม่เพียงพอยังมีโอกาสเกิดสิว หรือริ้วรอยได้ง่าย อีกทั้งการนอนหลับไม่สนิทนั้นยังทำให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวของเรามีประสิทธิภาพในการทำงานลดลงอีกด้วย

ลักษณะของผิวหมองคล้ำสุขภาพไม่ดี

เหตุผลที่ทำให้ผิวหมองคล้ำลุกลามนอกจากหลายคนลืมสังเกตสุขภาพผิวหน้าของตัวเองแล้ว ยังเป็นเพราะเข้าใจว่าที่ผิวหน้าหมองคล้ำดูโทรมกว่าปกติ เกิดจากความเครียดชั่วขณะ หรือพักผ่อนน้อย กว่าจะรู้ตัวก็ถูกปัญหาผิวหมองคล้ำ สิว หรือริ้วรอยเล่นงานจนยากที่จะรักษา หากไม่หาวิธีแก้หน้าหมองค ล้ํา หรือเคล็ดลับหน้าใสไร้สิวในภายหลัง ควรหมั่นสังเกตผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอาการที่เด่นชัดของปัญหาผิวหมองคล่ำที่สังเกตได้ไม่ยากคือ

  • ใบหน้ามีสีผิวไม่สม่ำเสมอ 
  • ผิวแห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื่น
  • ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียน

วิธีใดบ้างที่ช่วยฟื้นฟู สภาพผิวหน้าให้กลับมาขาวใสอีกครั้ง

  • ให้อาหารผิว บำรุงหน้าด้วยครีม และเซรั่ม
    การทาครีม หรือเซรั่มบำรุงผิวรับว่าเป็นวิธี แก้ หน้า หมอง ค ล้ําที่ง่ายที่สุดในการดูแลผิวจากภายนอก ซึ่งถึงปกติแล้วคนส่วนใหญ่จะทาครีม หรือเซรั่มบำรุงผิวกันเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ปัญหาผิวหมองคล้ำควรให้ความสำคัญ ทั้งการทำความสะอาดผิวหน้า และการเลือกครีมบำรุงผิว โดยแนะนำว่าต้องทำความสะอาดกำจัดสิ่งสกปรกบนใบหน้าทุกวัน และสครับเซลล์ผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อสครับประมาณ 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์  ส่วนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าควรเลือกใช้ครีม เซรั่ม หรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว อย่างเซราไมด์(Ceramide) กลีเซอรีน (Glycerin) ซอร์บิทอล (Sorbitol) กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid) เลซิติน (Lecithin) สควาเลน (Squalane) เซราไมด์ (Ceramides) หรือ เชียบัตเตอร์ (Shea Butter) จะทำให้ผิวมีความชุ่มชื่นมากขึ้น
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
    คนที่ปัญหาผิวหมองคล้ำ ผิวโทรม ควรรีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน จากที่เคยนอนดึก หรือนอนน้อยควรปรับมานอนในเวลา 20.00 – 22.00 น.  และนอนอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมงต่อวัน เนื่องด้วยเวลานอนหลับเป็นเวลาที่ร่างกายได้รับการพักเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหลอ และปรับการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น ระบบฮอร์โมนเกิดความสมดุล พร้อมอารมณ์ที่ดีขึ้น  เรียกว่าเป็นวิธีแก้หน้าหมองคล้ําที่ดีทั้งต่อร่างกาย และจิตใจ
  • ดื่มน้ำบ่อยเยอะ ๆ 
    อีกหนึ่งเคล็ดลับหน้าใสไร้สิว และวิธีทําให้ผิวแข็งแรงไม่แพ้ง่ายที่ทุกคนควรให้ความสำคัญไม่แพ้การฟื้นฟูผิวจากแดดด้วยครีม หรือเซรั่มบำรุงผิวเนื่องด้วยมีการศึกษาวิจัยพบว่าการดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร ติดต่อกัน 30 วัน ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรง และชุ่มชื้น จึงมีคำแนะนำว่าควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร เพื่อเพ่ิมความชุ่มชื่นให้ผิว และกระตุ้นการทำงานของระบบการไหลเวียนเลือด แต่ทั้งนี้ไม่ควรดื่มน้ำมากเกินไป เพราะจะส่งผลเสียกับการทำงานของไต
  • การมีสุขภาพจิตที่ดีช่วยให้ผิวสวยใสได้นะ
    ต้องยอมรับว่าการกำจัดความเครียดเป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยากสำหรับหลายคน เพราะปัจจุบันแค่ลืมตาตื่นความเครียดก็พร้อมเข้ามาปะทะได้ทุกวินาที ทั้งจากข่าวสาร การทำงาน และการดำเนินชีวิตประจำวัย แต่หากคนที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำอยากเลิกเครียด แนะนำให้เริ่มด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต อย่างการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พยายามปรับตารางชีวิตให้ลงตัว และหมั่นฝึกจิตทำสมาธิเพื่อให้มีสติพร้อมรับมือกับความเครียด ซึ่งถ้าทำควบคู่ไปกับการฟื้นฟูผิวจากแดด และเคล็ดลับหน้าใสไร้สิวก็จะช่วยให้ผิวสุขภาพดีขึ้น
  • งดการดื่มเหล้าสูบบุหรี่
    อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าเหล้า และบุหรี่มีผลเสียต่อระบบในร่างกายมากมายไม่เว้นแม้แต่เรื่องผิวพรรณ โดยสารนิโคตินในบุหรี่ และแอลกอฮอล์ในเหล้าส่งผลเสียต่อระบบร่างกาย ทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว และแสดงออกด้วยความหมองคล้ำ ผิวโทรม และเหี่ยวก่อนวัย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนไม่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่มีผิวที่ดีกว่าผู้ที่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่เป็นประจำ
  • เลเซอร์หน้าใส
    การใช้คลื่นแสงที่มีความเข้มสูงไปจับกับเม็ดสีเมลานิน (melanin) เพื่อรักษาปัญหาผิว และฟื้นฟูผิวบริเวณที่ต้องการ โดยส่วนใหญ่ เลเซอร์หน้าใส จะเน้นใช้รักษาปัญหารอยแดง รอยดำ หรือจุดด่างดำที่เกิดจากสิวเป็นหลัก รวมถึงใช้ในการรักษาผิวเหี่ยวย่น มีริ้วรอย รูขุมขนกว้าง ลดความหมองคล้ำหรือปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ ทำให้ผิวดูขาวใสขึ้นได้ ซึ่งในแต่ละปัญหาผิวก็จะมีการใช้ความยาวคลื่นที่ต่างกันไปโดยจะอยู่ที่ประมาณ 420-1200 nm (นาโนเมตร) นั่นเองค่
  • ทำหัตถการRefreshing Cry-O
    การนวดหน้าด้วยความเย็น (Cryo) เป็นการทำทรีตเมนต์ที่ช่วยฟื้นฟูบำรุงลึกถึงระดับเซลล์ผิวด้วยอุณหภูมิลบ 5-10 องศา โดยใช้หลักการ Electroporation การผลักวิตามินที่ควบคู่ไปกับพลังความเย็น Cool Mesoporation ที่ช่วยให้คงไว้ซึ่งคุณภาพในขณะที่ส่งผ่านวิตามินไปยังชั้นผิว นอกจากนี้พลังงานประจุไฟฟ้าประจุบวกและประจุลบจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดชั่วคราวของโครงสร้างชั้นไขมันที่เยื่อหุ้มเซลล์ ก่อให้เกิดรูบนผิวชั้นบนสุด ประมาณ 1-2 วินาที เพื่อให้วิตามินได้แทรกซึมลงลึกผ่านเข้าไปในเซลล์และระหว่างเซลล์ผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถรักษาผิว ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสตินใต้ชั้นผิว 
  • ทำหัตถการฉีดฟิลเลอร์
    การฉีดฟิลเลอร์เป็นการทำหัตถการแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำด้วยการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปยังชั้นใต้ผิวหนัง ซึ่งสารตัวนี้มีคุณสมบัติเก็บความชื้น ทำให้ผิวชุ่มชื้น ยืดหยุ่น ลดริ้วรอย อิ่มน้ำ และดูสุขภาพดี สำหรับข้อดีของการฉีดฟิวเลอร์คือ เห็นผลชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ และอยู่ได้นานสุงสุด 12 เดือน

ที่ The VOGUE Clinic เรามีบริการ Refreshing Cry-O ที่กำลังได้รับความนิยมของเหล่าสาว ๆ ที่ต้องการเผยผิวหน้าที่ใส แลดูขาวเนียนชวนสัมผัส ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง พร้อมดูแลให้คำปรึกษาตลอดจนกระบวนการรักษาเลยค่ะ


Refreshing Cry-O คืออะไร

Refreshing Cry-O คือการนวดหน้าด้วยความเย็น (Cryo) เป็นการทำทรีตเมนต์ที่ช่วยฟื้นฟูบำรุงลึกถึงระดับเซลล์ผิวด้วยอุณหภูมิลบ 5-10 องศา โดยใช้หลักการ Electroporation การผลักวิตามินที่ควบคู่ไปกับพลังความเย็น Cool Mesoporation ที่ช่วยให้คงไว้ซึ่งคุณภาพในขณะที่ส่งผ่านวิตามินไปยังชั้นผิว นอกจากนี้พลังงานประจุไฟฟ้าประจุบวกและประจุลบจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดชั่วคราวของโครงสร้างชั้นไขมันที่เยื่อหุ้มเซลล์ ก่อให้เกิดรูบนผิวชั้นบนสุด ประมาณ 1-2 วินาที เพื่อให้วิตามินได้แทรกซึมลงลึกผ่านเข้าไปในเซลล์และระหว่างเซลล์ผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถรักษาผิว ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสตินใต้ชั้นผิว และในระหว่างส่งความเย็นลงชั้นผิวนั้นก็จะมีการส่งสารบำรุงต่างๆ ตามสูตรของสถานบริการให้ซึมลงไปกับความเย็นด้วย ทำให้ผิวสามารถรับสารบำรุงได้อย่างล้ำลึกกว่าการทาครีมบำรุงทั่วไป


หลักการทำงานของเครื่อง Refreshing Cry-O

หลักการทำงานของเครื่องไครโอ คือส่วนหัวของตัวเครื่องจะถ่ายเทความเย็นอุณหภูมิลบ 5-10 องศา ซึ่งความเย็นระดับนี้จะเข้าไปกระตุ้นให้มีการสร้างสารบางชนิด เช่น ทรานสฟอร์มมิ่ง โกรท แฟคเตอร์ ซึ่งไปช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อผิวหนัง ช่วยให้ผิวเต่งตึงขึ้น ลดริ้วรอย และกระชับรูขุมขน


Refreshing Cry-O ควรทำบ่อยแค่ไหน

การดูแลผิวหน้าด้วยเครื่อง Refreshing Cry-O จริงแล้วสามารถทำได้บ่อยๆ ซึ่งระยะเวลาที่เหมาะสมแนะนำให้ทำหัตถการนี้ต่อเนื่องกันสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยเฉพาะการทำร่วมกับการใช้เจล และวิตามินบำรุงผิวหน้าต่างๆ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพผลลัพท์ดียิ่งขึ้นค่ะ


Refreshing Cry-O กับ การประคบเย็นด้วยน้ำแข็งต่างกันอย่างไร

การทำ Refreshing Cry-O เป็นการใช้เครื่องมือเพื่อสร้างความเย็น ทำให้อุณหภูมิที่ได้รับมีความคงที่ ให้ประสิทธิภาพในการรักษาที่ดี แตกต่างจากความเย็นที่มาจากน้ำแข็ง เพราะเมื่อน้ำแข็งประคบผิวหน้าก็จะเริ่มละลาย อุณหภูมิของน้ำแข็งก็จะไม่คงที่ มีการเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆนั่นเองค่ะ


Refreshing Cry-O ดีอย่างไร

  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ให้ผิวกลับมาเต่งตึง ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณใบหน้า
  • ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า
  • คืนความกระจ่างใส ผิวเนียน แลดสุขภาพดี
  • ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง รูขุมขนกระชับขึ้น
  • ช่วยลดปัญหาอักเสบของสิว

ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่ต้องการนวดหน้าด้วย Refreshing Cry-O

  • ผู้ที่มีเหล็ก โลหะ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ในร่างกาย
  • สตรีมีครรภ์
  • ผู้เป็นโรคหัวใจ
  • ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ
  • ผู้เป็นโรคลมบ้าหมู
  • ผู้มีอาการเส้นเลือดโป่งพอง
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและประสาท
  • ผู้ที่เป็นโรคมะเร็ง หรือมีเนื้องอก

ประโยชน์จากการนวดหน้าด้วย Refreshing Cry-O 

  • กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต การนวดหน้าอาจเป็น 1 ในวิธีที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิตบนใบหน้า
  • กระตุ้นการทำงานของระบบน้ำเหลือง เพื่อให้ระบบน้ำเหลืองไหลเวียนดีขึ้น ซึ่งช่วยปกป้องร่างกายจากเชื้อโรค และกำจัดสารพิษในเนื้อเยื่อต่าง ๆ ออกไป
  • กระตุ้นการดูดซึมสารทำความสะอาดผิวหน้า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าต่าง ๆ อาจซึมเข้าสู่ผิวได้เร็วขึ้นหากใช้ร่วมกับการนวดหน้า
  • กำจัดสิว การนวดหน้าอาจช่วยขับสารต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดสิว และบำรุงสุขภาพผิวหน้าให้ดีขึ้น
  • บรรเทาอาการปวดหัว การนวดหน้าอาจช่วยบรรเทาให้อาการปวดหัวดีขึ้นได้ หากเป็นอาการที่ไม่รุนแรงมากนัก และไม่เกี่ยวข้องกับอาการป่วยหรือโรคอื่น ๆ
  • บรรเทาการอักเสบและความเครียด การนวดหน้าติดต่อกันเป็นประจำนานร่วมสัปดาห์หรือเป็นเดือน อาจช่วยบรรเทาการอักเสบและความเครียดได้
  • บรรเทาอาการบวม การนวดหน้าหลังจากตื่นนอนในตอนเช้าอาจช่วยลดอาการบวมบริเวณใต้ตา และกระตุ้นให้สีปากสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติได้
  • รักษารอยสิว แม้การนวดหน้าไม่สามารถรักษารอยสิวได้โดยตรง
  • ป้องกันริ้วรอยและผิวหน้าหมองคล้ำ การนวดหน้าอาจช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลดแรงตึงผิวหน้าได้ รวมถึงกระตุ้นการทำงานของระบบน้ำเหลือง ซึ่งอาจช่วยบำรุงเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าไม่หมองคล้ำ
  • ด้วยความเย็นที่อุณหภูมิลบ 5-10 องศา จะช่วยกระชับรูขุมขน ให้รูขุมขนแลดูเล็กลง

ตัดสินใจเลือกทำ Refreshing Cry-O ที่ไหนดี ? ที่ The vogue ดีอย่างไร? ควรพิจารณาจากอะไรบ้าง 

หากคุณเป็นอีกคนที่มีปัญหาผิวอ่อนแอ ไม่แข็งแรง ขาดความชุ่มชื้น กำลังมองหาที่สถาบันความงามสักที่ แต่ก็กังวลว่าจะไม่ปลอดภัย วันนี้เรามีเคล็ดลับการพิจารณาสถาบันความงามมาฝากกันค่ะ ก่อนอื่นเลยเราต้องศึกษาข้อมูลคลินิกความงามให้ดีเสียก่อน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการเลือกตัวยาที่ผ่าน อย. ด้วยนะคะ แล้วเราสามารถพิจารณาคลินิกความงามจากอะไรได้บ้าง วันนี้ในหัวข้อนี้มีคำตอบค่ะ 

  • ความชำนาญของแพทย์
    อย่างแรกที่ต้องพิจารณาเลยคือ แพทย์ผู้ทำหัตถการค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผลงานของแพทย์ ซึ่งสามารถดูได้จากรีวิวของผู้เข้ารับบริการจริง, ประสบการณ์ของแพทย์, ใบประกอบวิชาชีพ และการให้คำปรึกษาของแพทย์ ซึ่งข้อดีของการปรึกษาแพทย์โดยตรง ทำให้เรารู้ขั้นตอนการรักษา รวมถึงความน่าเชื่อถือของแพทย์ด้วย เนื่องจากแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจะสามารถอธิบาย ให้คำแนะนำได้อย่างละเอียดและถูกต้องนั่นเองค่ะ
  • ความน่าเชื่อถือของคลินิกความงาม
    ต้องเป็นคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ได้รับมาตรฐาน มีความพร้อมของทีมแพทย์ รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ทำหัตถการต้องมีความสะอาดและปลอดเชื้อด้วยนะคะ
  • เครื่องมือสำหรับทำหัตถการ
    เพื่อให้ผลลัพธ์หลังการทำหัตถการมีความปลอดภัยและไม่เป็นอันตราย จำเป็นต้องมีการศึกษาข้อมูลเบื้องต้น เกี่ยวกับมาตารฐาของคลินิกความงามให้ดี รวมไปถึงเครื่องมือที่ทันสมัย สะอาด ปลอดเชื้อด้วยนะคะ
  • รีวิวจากลูกค้าจริง ราคา และโปรโมชั่นต่าง ๆ
    การเลือกทำหัคถการ กับคลีนิคความงามทั่วไปพราะราคาถูกนั้น อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ หรือแย่กว่าที่คาดหวังไว้ เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมามากมาย ดังนั้นก่อนเราจะตัดสินใจว่าทำหัตถการที่ไหนดี ควรขอดูรีวิวจากลูกค้าจริง รวมถึงสอบถามข้อมูล ราคา โปรโมชั่นต่างๆ ให้ชัดเจนเสียก่อน เพื่อลดโอกาสการเกิดความเสี่ยงที่อาจตามมาในอนาคตอีกด้วยค่ะ
  • พิจารณาการเลือกคอร์ส Refreshing Cry-O
    การตัดสินใจซื้อคอร์สนั้นเราต้องคำนึงถึงผลลัพธ์มากที่สุดอยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกันต้องดูว่าคอร์สที่เราเลือกรักษาคุ้มค่าหรือไม่ ดังนั้นจึงแนะนำเลือกซื้อเป็นคอร์สเพราะคลินิกที่มีคอร์ส Refreshing Cry-O มักจะมีโปรโมชั่นส่วนลดในราคาซื้อเป็นคอร์สจึงคุ้มค่ากว่าการซื้อเป็นครั้ง ๆ นั่นเองค่ะ

หากลังเลว่าเลือกทำหัตถการ คลินิกไหนดี ขอแนะนำที่ The vogue Clinic ของเรานำทีมโดยแพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ พร้อมด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย สะอาด ปลอดเชื้อ ใช้ตัวยาแท้ได้รับการรับรองจาก อย. ประเทศไทย แถมยังอัดแน่นไปด้วยรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงมากมาย คนไข้สามารถมั่นใจได้เลยว่าจะได้รับความสวยควบคู่ไปกับความปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ


ความงามที่เกี่ยวข้อง